แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องคดีอาญาฐานลักทรัพย์ว่าเหตุเกิดระหว่างต้นเดือนมีนาคม 2534 ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2534 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดเป็นฟ้องที่บอกวันเวลาตามที่สามารถจะบอกให้จำเลยเข้าใจดีแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างต้นเดือนมีนาคม 2534 ถึงวันที่ 14พฤษภาคม 2534 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกอีก 1 คน ซึ่งหลบหนีไป ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันปีนเข้าทางช่องเพดานหลังคาอันเป็นการเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยมิได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า แล้วเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนางมณฑารีย์ สาโรจน์ ผู้เสียหาย แล้วร่วมกันใช้สายไฟฟ้าต่อพ่วงเข้ากับสายไฟฟ้าภายในบ้านของผู้เสียหาย และลักเอากระแสไฟฟ้าที่ใช้อยู่ภายในบ้านของผู้เสียหายไป คิดเป็นค่ากระแสไฟฟ้าประมาณ 1,000 บาทเหตุเกิดที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์จังหวัดนครสวรรค์ พนักงานสอบสวนตรวจที่เกิดเหตุพบสายไฟฟ้า1 เส้น ที่จำเลยใช้ต่อพ่วงกับสายไฟฟ้าภายในบ้านผู้เสียหายดังกล่าวจึงยึดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,33 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 และริบสายไฟฟ้าของกลาง ให้จำเลยใช้ราคาค่ากระแสไฟฟ้าจำนวน 1,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางมณฑารีย์ สาโรจน์ ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(4)(8) วรรคสาม จำคุก 1 ปี ให้จำเลยใช้ราคาค่ากระแสไฟฟ้าจำนวน 1,000 บาท แก่โจทก์ร่วม ริบสายไฟฟ้าของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปัญหาข้อแรกที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายฟ้องว่า”เมื่อระหว่างต้นเดือนมีนาคม 2534 ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2534 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีและหลงต่อสู้ว่าจำเลยกระทำผิดในตอนกลางวันหรือกลางคืนหรือวันใดแน่ ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญในการที่จำเลยจะสามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่เห็นว่า ตามฟ้องได้บอกวันเวลาตามที่สามารถจะบอกให้จำเลยเข้าใจดีแล้ว จำเลยก็ได้นำสืบต่อสู้คดีโจทก์ไว้แล้ว ดังนั้นจำเลยย่อมเข้าใจวันเวลาที่โจทก์กล่าวหาได้ดีโดยมิหลงต่อสู้ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด..”
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลย 3,000 บาท รวมจำคุก 1 ปีปรับ 3,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์