คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2069/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 73 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปีกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีกต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าการพ้นโทษจะต้องเป็นการพ้นโทษจำคุกอย่างเดียว การปรับก็ถือว่าเป็นโทษอย่างหนึ่งตามป.อ. มาตรา 18 (4) ดังนั้น แม้คดีก่อนศาลจะลงโทษจำคุกและรอการลงโทษให้จำเลย แต่ปรากฏว่า คดีนั้นศาลก็ได้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย เมื่อมีการชำระค่าปรับครบถ้วนในวันเวลาใด ย่อมถือว่าจำเลยได้พ้นโทษในวันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้ว ได้ความว่าขณะกระทำความผิดคดีนี้ จำเลยยังชำระค่าปรับในคดีก่อนไม่ครบถ้วน จึงเป็นกรณีที่จำเลยยังไม่ได้พ้นโทษในคดีก่อนและเมื่อกลับมากระทำความผิดคดีนี้ ซึ่งแม้จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 เช่นเดียวกันก็ไม่อาจระวางโทษสองเท่าแก่จำเลยตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 73 ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางระวางโทษสองเท่าแก่จำเลยตามมาตรานี้ จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 31, 61, 70, 73, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 6, 34 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 38, 79, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91 ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 345 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งสิบเก้าซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ บวกโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.324/2551 เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้และระวางโทษเป็นสองเท่าด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจริง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1), 70 วรรคสอง และวางโทษทวีคูณ (ที่ถูก เป็นสองเท่า) ตามมาตรา 73 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 (ที่ถูก มาตรา 38 วรรคหนึ่ง), 79 ประกอบพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 (ที่ถูก มาตรา 6 วรรคหนึ่ง), 34 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ลงโทษจำคุก 6 เดือน ฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง (ที่ถูก กระทงละกึ่งหนึ่ง) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนมีกำหนดเดียวกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรก ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางระวางโทษจำเลยสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ในคดีนี้ชอบหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 73 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีกต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” ตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุการพ้นโทษจะต้องเป็นการพ้นโทษจำคุกอย่างเดียว การปรับก็ถือว่าเป็นโทษอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 (4) ดังนั้น แม้คดีก่อนศาลจะลงโทษจำคุกและรอการลงโทษให้จำเลย แต่ปรากฏว่า คดีนั้นศาลก็ได้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วยเมื่อมีการชำระค่าปรับครบถ้วนในวันเวลาใด ย่อมถือว่าจำเลยได้พ้นโทษในวันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้วการที่คดีก่อน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 ลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน 15 วัน และปรับ 37,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี ในความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ต่อมาจำเลยกระทำความผิดคดีนี้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 และได้ความว่าขณะกระทำความผิดคดีนี้ จำเลยยังชำระค่าปรับในคดีก่อนไม่ครบถ้วน จึงเป็นกรณีที่จำเลยยังไม่ได้พ้นโทษในคดีก่อนและเมื่อกลับมากระทำความผิดคดีนี้ ซึ่งแม้จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 เช่นเดียวกัน ก็ไม่อาจระวางโทษสองเท่าแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 73 ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางระวางโทษสองเท่าแก่จำเลยตามมาตรานี้ จึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันขณะที่ยังชำระค่าปรับในคดีก่อนไม่ครบถ้วนพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยไม่เข็ดหลาบ ไม่เกรงกลัวต่อโทษที่จะได้รับ ตลอดจนไม่ได้รู้สำนึกในการกระทำผิดในครั้งก่อน ซึ่งศาลได้ให้ความปรานีแก่จำเลยด้วยการรอการลงโทษจำคุกไว้ให้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดี จึงไม่สามารถรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยอีก อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า จำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน เมื่อรวมโทษกับโทษในความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว เป็นจำคุก 1 เดือน 15 วัน และปรับ 5,000 บาท เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนมีกำหนดเดียวกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share