แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยโดยอาศัยหลักฐานแห่งการ กู้ยืมเป็นหนังสือ จำเลยให้การว่าหลักฐานการกู้ยืมที่ทำ ขึ้นนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางในการที่สามีโจทก์มอบเงินให้ จำเลยไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาหญิงส่งไปเป็นนางบำเรอพวก เศรษฐีในฮ่องกงเป็นมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โจทก์ไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีเอาแก่จำเลยได้ ดังนี้ เท่ากับจำเลยรับว่าได้ทำเอกสารซึ่งเป็นหลักฐานที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปตามฟ้องแล้ว แต่จำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ว่าเป็นเงินที่สามีโจทก์มอบให้จำเลย เพื่อให้กระทำการในสิ่งที่ขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงอย่างใดๆเพื่อสนับสนุนคำให้การของ ตน หน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ ทั้งนี้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ยืมเงินไปจากโจทก์จำนวนหนึ่ง ถึงกำหนดใช้คืนจำเลยผิดนัด โจทก์ทวงถาม จำเลยมีหลักฐานเป็นหนังสือขอผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ ขอพิพากษาให้จำเลยชำระเงินยืมแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า หลักฐานการกู้ยืมเงินท้ายฟ้องเป็นนิติกรรมอำพราง การที่สามีโจทก์จ้างผู้มีชื่อจัดหาหญิงไปบำเรอเศรษฐีในฮ่องกง จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันนิติกรรมการจ้างดังกล่าวจึงขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่มีผลบังคับ โจทก์จำเลยจึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่สืบก่อนนั้นเป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยโดยอาศัยหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ จำเลยให้การว่าหลักฐานการกู้ยืมเงินที่ทำขึ้นนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางในการที่สามีโจทก์มอบเงินให้จำเลยไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาหญิงส่งไปเป็นนางบำเรอพวกเศรษฐีในฮ่องกง เป็นมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โจทก์ไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีเอาแก่จำเลยได้ดังนี้ เท่ากับจำเลยรับว่าได้ทำเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นหลักฐานที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปตามฟ้องแล้ว แต่จำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ว่าเป็นเงินที่สามีโจทก์มอบให้จำเลยเพื่อให้กระทำการในสิ่งที่ขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงอย่างใดๆ เพื่อสนับสนุนคำให้การของตนกฎหมายให้หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงนั้นตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่กล่าวอ้าง ทั้งนี้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๔ในกรณีนี้หน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนนั้นเป็นการชอบแล้วและวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงแล้วยังไม่ได้ชำระคืน จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
พิพากษายืน