แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญากู้เงินมีข้อความว่า ถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยงวดหนึ่งงวดใด ผู้กู้ยินยอมให้ถือว่าผู้กู้ผิดนัดทุกงวด และให้ผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราที่กำหนดไว้ตามประกาศของธนาคารที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นจนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้คืนจนครบถ้วนและตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองมีข้อความว่าถ้าผู้จำนองผิดนัดชำระหนี้ ผู้จำนองยอมให้ผู้รับจำนองคำนวณดอกเบี้ยที่ผิดนัดได้ในอัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่กำหนดไว้ตามประกาศของผู้รับจำนอง ดังนี้ เมื่อจำเลยผิดนัดชำระหนี้ การที่ธนาคารโจทก์คิดดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีตามประกาศของโจทก์จึงเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญากู้และสัญญาจำนอง และเมื่อในขณะนั้นประกาศของโจทก์ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไว้ไม่เกินร้อยละ 18 ต่อปีตามที่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้อำนาจไว้ ข้อตกลงในสัญญาดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันจะทำให้ตกเป็นโมฆะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2536 จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ 1,800,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปีและยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้โดยสัญญาผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเดือนละ 23,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม2536 ทั้งที่กำหนดชำระเสร็จภายในวันที่ 15 เมษายน 2541 จำเลยจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 196796 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้โดยยินยอมให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ที่ขาดจากการบังคับจำนองจนครบ จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองแต่ส่งหนังสือให้แก่จำเลยไม่ได้จึงประกาศทางหนังสือพิมพ์จำเลยก็ไม่ชำระ คำนวณถึงวันฟ้อง จำเลยค้างชำระเงิน1,795,936.98 บาท ดอกเบี้ยในอัตราตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย 987,494.02 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน2,783,431 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงิน1,795,936.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบ
จำเลยให้การว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดดอกเบี้ยจึงเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน2,095,636.32 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปีในต้นเงิน 1,795,936.98 บาท นับแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2537ถึงวันที่ 9 มีนาคม 2538 และอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงินจำนวนเดียวกัน นับแต่วันที่ 10 มีนาคม 2538 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 196796 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี (ที่ถูกอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ตามหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมายจ.2 และได้จดทะเบียนจำนองที่ดินไว้แก่โจทก์ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองเป็นประกันเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ตามลำดับ ต่อมาจำเลยผิดนัดชำระหนี้ต่อโจทก์ โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดนัดจากจำเลยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อผิดนัดในประกาศของธนาคารโจทก์ เรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลดเอกสารหมาย จ.18 คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า สัญญากู้และสัญญาจำนองกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ร้อยละ 16ต่อปี โดยมิได้กำหนดให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดไว้ในอัตราร้อยละ 18ต่อปี การที่โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ และสัญญาจำนองดังกล่าวจึงขัดต่อสัญญา ทั้งข้อตกลงในสัญญาที่ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดนัดได้ตามประกาศของธนาคารโจทก์ ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเพราะเปิดช่องให้โจทก์คิดดอกเบี้ยได้ตามอำเภอใจจึงตกเป็นโมฆะเห็นว่า แม้ในสัญญากู้และสัญญาจำนองจะมิได้กำหนดให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดไว้ในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ก็ตาม แต่ตามหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 4 มีข้อความว่าถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระต้นเงินหรือดอกเบี้ยงวดหนึ่งงวดใดผู้กู้ยินยอมให้ถือว่าผู้กู้ผิดนัดทุกงวดและยินยอมที่จะให้ผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราที่กำหนดไว้ตามประกาศของธนาคารที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นจนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้คืนให้แก่ผู้ให้กู้จนครบถ้วนสิ้นเชิง และตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองเป็นประกัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจำนอง ข้อ 2 วรรคสอง มีข้อความว่า ถ้าผู้จำนองผิดนัดชำระหนี้และดอกเบี้ยตามสัญญานี้ ผู้จำนองยอมให้ผู้รับจำนองคำนวณดอกเบี้ยที่ผิดนัดได้ในอัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่กำหนดไว้ตามประกาศของผู้รับจำนองที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นดังนี้ เมื่อต่อมาจำเลยผิดนัดชำระหนี้ต่อโจทก์ การที่โจทก์คิดดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ตามประกาศของโจทก์จึงเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญากู้และสัญญาจำนองดังกล่าวมาข้างต้นทุกประการและเมื่อในขณะนั้นประกาศของโจทก์เรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลดตามสำเนาเอกสารหมาย จ.18ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อผิดนัดไว้ไม่เกินร้อยละ 18 ต่อปีตามที่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้อำนาจไว้ ข้อตกลงในสัญญาที่ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดนัดได้ตามประกาศของธนาคารโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้วและหาเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันจะทำให้ตกเป็นโมฆะดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน