คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2056/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี แม้โจทก์จะมิได้แนบบัญชีกระแสรายวันมาด้วย และมิได้บรรยายฟ้องมาด้วยว่าเมื่อถึงวันที่จะหักกลบลบหนี้กันนั้น จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวนเท่าใด ขณะนั้นเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยดอกเบี้ยมีอยู่เท่าใดและเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วจำเลยยังเป็นหนี้อยู่อีกเท่าใดก็ตามก็หาทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่เพราะเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทขึ้นมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน ๕๒๒,๗๐๖ บาท ๕๐ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในบัญชีเงินฝากประจำนั้นมีจำนวนเท่าใด เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์เป็นจำนวนเท่าใด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม และพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เป็นจำนวน ๔๕๓,๐๑๔ บาท ๐๘ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะโจทก์ไม่ได้แนบบัญชีกระแสรายวันมาด้วยเพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อถึงวันที่จะหักกลบลบหนี้กันนั้นจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวนเท่าใด และขณะนั้นเงินฝากของจำเลยพร้อมด้วยดอกเบี้ยมีจำนวนเท่าใดเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่อีกเป็นจำนวนเท่าใด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ โดยจำเลยได้ใช้เงินฝากประจำของจำเลยเป็นประกันในการชำระหนี้ ครั้นเมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้จำเลยไม่ยอมชำระ โจทก์ได้นำเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยดอกเบี้ยมาหักกลบลบหนี้กัน ปรากฏว่าจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่อีก คำนวณยอดหนี้จนถึงวันฟ้องเป็นจำนวนเงิน ๕๒๒,๗๐๖ บาท ๕๐ สตางค์ ซึ่งฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนั้น เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์เนื่องมาจากมูลหนี้อะไร เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วจนถึงวันฟ้องจำเลยยังเป็นหนี้อยู่อีกเป็นจำนวนเท่าใดและได้ทวงถามแล้วแต่จำเลยไม่ยอมชำระ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระหนี้อันเป็นการถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรคสอง นั้นแล้ว ไม่เคลือบคลุม แม้โจทก์จะมิได้แนบบัญชีกระแสรายวันมาด้วยและมิได้บรรยายฟ้องมาด้วยว่า เมื่อถึงวันที่จะหักกลบลบหนี้กันนั้นจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวนเท่าใด ขณะนั้นเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยดอกเบี้ยมีอยู่เท่าใด และเมื่อหักกลบลบหนี้แล้วจำเลยยังเป็นหนี้อยู่อีกเท่าใดก็ตามก็หาทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ เพราะเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทขึ้นว่า จำนวนเงินที่หักกลบลบหนี้กันหรือจำนวนหนี้ที่เรียกร้องมานั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเลยหาได้ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share