คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทตาม น.ส.3 การที่ ส.และศ.บุตรจำเลยขอออก น.ส.3 สำหรับที่ดินของตนซึ่งมีเขตติดต่อกับที่พิพาทในภายหลังทับที่ดินพิพาท จึงเป็นการ กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ก่อให้เกิดสิทธิในที่พิพาทแต่ ประการใด ผู้ร้องซึ่งรับโอนที่พิพาทตาม น.ส.3 จาก ส.และศ.จึงไม่มีสิทธิในที่พิพาทยิ่งไปกว่าผู้โอน ผู้ร้อง จะมาใช้สิทธิ ร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนอง 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำบังคับ ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคคียึดทรัพย์สินของจำเลย คือที่ดิน น.ส.3 เนื้อที่ 50 ไร่ พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้จดทะเบียนตามคำสั่งศาลต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ผู้ร้องได้ครอบครองทำประโยชน์มาโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้วขอให้ศาลสั่งถอนการยึด

โจทก์ยื่นคำให้การว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ของผู้ร้องแต่เป็นของจำเลย น.ส. 3 ได้ออกทับที่ดินของจำเลยจึงเป็นโมฆะใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตาม น.ส.3หมาย จ.1 ตลอดมา และวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่นายโสภณและนายศุภชัย บุตรจำเลย ขอออก น.ส.3 หมาย ร.5 และ ร.6 ในภายหลังทับที่ดินพิาท จึงเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ก่อให้นายโสภณและนายศุภชัยมีสิทธิในที่พิพาทแก่ประการใด ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนที่พิพาทตาม น.ส.3 หมาย ร.5 และ ร.6 จากนายโสภณและนายศุภชัย จึงไม่มีสิทธิในที่พิพาทยิ่งไปกว่านายโสภณและนายศุภชัยผู้โอน ผู้ร้องจะมาใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่

พิพากษายืน

Share