แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การซื้อขายทรัพย์ ซึ่งจะต้องมีการชั่งและส่งมอบกัน หากทรัพย์นั้นยังเก็บรวมไว้กับของผู้อื่น ยังไม่ได้แยกเอาออกมาชั่งและส่งมอบแก่ผู้ซื้อ แม้ผู้ซื้อจะชำระราคาแล้วกรรมสิทธิยังคงอยู่แก่ผู้ขาย ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อ เจ้าหนี้ของผู้ขายยึดทรัพย์นั้นได้
คดีที่มีผู้ร้องขัดทรัพย์ และโจทก์ผู้นำยึด โต้เถียงว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นกรรมสิทธิของลูกหนี้ ดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิเป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีโดยตรง.
ย่อยาว
ความว่า ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนลูกหนี้ของโจทก์ ได้ทำหนังสือขายยางพิพาทให้แก่ผู้ร้อง แต่ยางที่ซื้อขายกันนี้เก็บไว้ในโรงเก็บ ผู้ร้องตกลงซื้อโดยไม่ได้ไปตรวจดูก่อน และยังไม่ทราบว่าจะมียางครบตามที่ตกลงซื้อขายกันหรือไม่ เป็นแต่สัญญากันว่าถ้ามีไม่ครบ ผู้ขายจะต้องจัดหาหรือกรีดขึ้นใหม่จนครบ ภายหลังทำหนังสือซื้อขายกัน และผู้ร้องได้ชำระเงินให้เสร็จแล้ว ผู้ร้องได้ไปตรวจดูยางที่โรงเก็บ มียางของผู้อื่นเก็บรวมอยู่ด้วยกันหลายตัน ผู้ขายยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัด เป็นแต่ตกลงกันว่าจะเอาออกมาชั่งเมื่อส่งมอบ ก่อนแบ่งแยกออกมาชั่งและส่งมอบกัน โจทก์นำยึดเสียก่อน ผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์ว่าขายให้ผู้ร้องเด็ดขาดแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านว่าเป็นของห้างหุ้นส่วนลูกหนี้ของโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น ที่สั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรรมสิทธิในยางพิพาทยังเป็นของห้างหุ้นส่วนลูกหนี้ของโจทก์อยู่ เพราะเป็นการซื้อขายทรัพย์สินซึ่งยังกำหนดลงเป็นแน่นอนยังไม่ได้ โดยจะต้องคัดเลือกแบ่งแยกออกมาจากยางที่รวมกันอยู่กับของผู้อื่นมาชั่งและส่งมอบกันต่อไป ซึ่งตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๔๖๐ บัญญัติว่า กรรมสิทธิยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ถอนการยึด อนึ่งโจทก์ได้โต้เถียงมาแต่แรกว่ายางพิพาทเป็นกรรมสิทธิของห้างหุ้นส่วน ที่ศาลวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิจึงเป็นการวินิจฉัยประเด็นในคดีโดยตรง
พิพากษายืน.