คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความฟ้อง อ.ขอหย่าและแบ่งสินสมรสทุนทรัพย์ 697,200 บาท ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด โดยตกลงให้ค่าจ้าง 60,000 บาท ดังนี้ตามพฤติการณ์ที่โจทก์จำเลยปฏิบัติต่อกันเห็นได้ว่าจำเลยจะชำระค่าจ้าง 60,000 บาท ดังนี้ ตามพฤติการณ์ที่โจทก์จำเลยปฏิบัติต่อกันเห็นได้ว่าจำเลยจะชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์เมื่อจำเลยได้รับชำระเงินจาก อ. การที่โจทก์ยื่นฟ้อง อ. และคดียุติด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยและ อ. ตกลงหย่าขาดจากกัน อ. ยอมแบ่งสินสมรสให้จำเลย 600,000 บาท ซึ่งศาลพิพากษาไปตามยอม ต่อมาเมื่อ อ. ผิดสัญญายอม โจทก์ดำเนินการบังคับคดี แก้ต่างในคดีร้องขัดทรัพย์และฟ้อง อ. เป็นคดีล้มละลาย แม้จำเลยจะมอบให้ ค. เป็นทนายฟ้อง อ. เป็นคดีอาญาเรื่องฉ้อโกงเจ้าหนี้ และ อ. ยอมชำระเงินให้จำเลย ก็ถือได้ว่าการทำงานของโจทก์มีส่วนเป็นผลให้งานสำเร็จเป็นส่วนใหญ่เพราะที่ ค. ฟ้องคดีอาญาก็มีส่วนให้อ. ชำระเงินตามยอมด้วย จึงสมควรกำหนดค่าจ้างให้โจทก์ 40,000 บาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความฟ้องนายอุดรขอหย่าและแบ่งสินสมรสทุนทรัพย์ ๖๙๗,๒๐๐ บาท ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด ตกลงให้ค่าจ้าง ๖๐,๐๐๐ บาท จำเลยชำระให้โจทก์แล้ว ๓,๐๐๐ บาท ที่เหลือ ๕๗,๐๐๐ บาท จะชำระให้เมื่อการดำเนินคดีสิ้นสุด โจทก์ยื่นฟ้องนายอุดรตามที่ตกลง จำเลยกับนายอุดรทำสัญญาประนีประนอมหย่าขาดและแบ่งสินสมรส ศาลพิพากษาตามยอมแต่นายอุดรไม่ชำระหนี้ตามยอม โจทก์จึงฟ้องนายอุดรเป็นคดีล้มละลาย ต่อมาจำเลยได้รับส่วนแบ่งสินสมรสเป็นเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญายอมในคดีแพ่งแต่ไม่ยอมชำระค่าทนายให้โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายล่าช้า ไม่ได้ผลตามที่คาดหมาย จำเลยจึงให้นายแคล้วเป็นทนายฟ้องนายอุดรเป็นจำเลยในคดีอาญา ข้อหาฉ้อโกงเจ้าหนี้ ซึ่งจำเลยได้รับชำระหนี้จากนายอุดรเป็นผลเนื่องมาจากการฟ้องคดีอาญาดังกล่าวไม่ใช่ผลจากการที่โจทก์ฟ้องคดีล้มละลาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ ๓๗,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการทำงานของโจทก์เป็นผลสำเร็จหรือไม่ โจทก์ควรได้รับค่าจ้างเพียงใดนั้น เห็นว่าจำเลยตกลงให้โจทก์ดำเนินคดีจนถึงที่สุดซึ่งตามพฤติการณ์ที่โจทก์จำเลยปฏิบัติต่อกันเห็นได้ว่าจำเลยจะชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์ เมื่อจำเลยได้รับชำระเงินจากนายอุดร การที่โจทก์ยื่นฟ้องนายอุดรและคดียุติด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยจำเลยและนายอุดรตกลงหย่าขาดจากกัน นายอุดรยอมแบ่งสินสมรสให้จำเลย ๖๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งศาลพิพากษาไปตามยอม ต่อมาเมื่อนายอุดรผิดสัญญายอม โจทก์ดำเนินการบังคับคดี แก้ต่างในคดีร้องขัดทรัพย์ และฟ้องนายอุดรเป็นคดีล้มละลายในที่สุดนายอุดรยอมชำระเงินให้จำเลย ถือได้ว่าการทำงานของโจทก์มีส่วนเป็นผลให้งานสำเร็จเป็นส่วนใหญ่เพราะที่นายแคล้วฟ้องนายอุดรเป็นคดีอาญา ก็มีส่วนบังคับให้นายอุดรชำระเงินตามยอมด้วย ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าจ้างให้โจทก์ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นการเหมาะสมแล้ว จำเลยต้องชำระค่าจ้างที่ค้าง ๓๗,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
พิพากษายืน

Share