คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

ได้ความว่านายไปล่จ้างนายพอนกับจำเลยบรรทุกเข้าเปลือกไปขาย นายพอนขายเข้าเปลือกได้เงิน ๑๕๖ บาท ๑๐ สตางค์ นายพอนเปนผู้เก็บรักษาเงินไว้ แล้วก็ช่วยกันถ่อเรือกลับบ้าน พอเวลากลางคืนยังอยู่ในระหว่างทางจำเลยหยิบเอาเงิน ๑๕๖ บาท ๑๐ สตางค์ ซึ่งนายพอนเก็บรักษาไว้นั้นได้แล้วจำเลยก็หนีไป ต่อมาอีก ๒ วันเจ้าทรัพย์กับเจ้าพนักงานตามจับตัวจำเลยได้ในกรุงเทพ ฯ
ได้เงินคืน ๓๗ บาท ๓๒สตางค์ ยังขาดอยู่อีก ๑๑๘ บาท ๗๘ สตางค์ โจทย์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย ฤาวิ่งราวทรัพยกับขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๑๑๘ บาท ๗๘ สตางค์แก่เจ้าทรัพย ฯ
จำเลยให้การรับสารภาพตามข้อหา ฯ
ศาลจังหวัดนนทบุรีพิจารณาลงความเห็นว่า นายไปล่เจ้าทรัพยได้จ้างจำเลยกับนายพอนบรรทุกเข้าไปขาย เปนกิริยาที่มอบทรัพยให้จำเลยไปกระทำการตามคำสั่ง เมื่อจำเลยคิดทุจจริตเอาเงินที่ขายเข้าไปเสียผิดคำสั่งของผู้หมอบหมาย ก็ต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย หาใช่เปนความผิดฐานลักทรัพย ฤาวิ่งราวทรัพยดังโจทย์หาไม่ แลความผิดฐานยักยอกทรัพยเปนความผิดต่อส่วนตัว เจ้าทรัพยผู้ได้รับความเสียหายมิได้มาร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานเอาคดีขึ้นว่ากล่าว จึงพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลย ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณเห็นว่าการที่จำเลยกระทำลงนั้นเปนความผิดฐานลักทรัพยในเวลาค่ำคืน ต้องด้วยกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๓ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาเดิม ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๖ เดือน ลดฐานรับสารภาพตามมาตรา ๕๙ เสียกึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกจำเลยมีกำหนดโทษแต่ ๓ เดือน กับให้จำเลยใช้เงิน ๑๑๘ บาท ๗๘ สตางค์แก่เจ้าทรัพย ถ้าไม่มีเงินใช้ให้จำแทนตามาตรา ๑๘ ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณว่าพิพากษาคลาดเคลื่อนด้วยข้อกฎหมาย ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าการที่นายไปล่เจ้าทรัพยได้จ้างนายพอนกับจำเลยบรรทุกเข้าเปลือกไปขายนั้น ไม่ปรากฎว่าเจ้าทรัพยได้สั่งให้จำเลยเปนผู้รับเงินแลรักษาเงินค่าเข้า จำเลยก็มิได้ต่อสู้ในข้อนี้ เมื่อปรากฎว่านายพอนเปนผู้ขายเข้าแลเปนผู้เก็บรักษาเงินค่าเข้าไว้ จำเลยยังอาจเอาเงินรายนี้หลบหนีไป โดยนายพอนมิได้อนุญาตจำเลยจึงมีความผิดฐานเปนโจรลักทรัพย ที่ศาลอุทธรณพิพากษาลงโทษจำเลยดังกล่าวมานั้นชอบด้วยบทกฎหมายแล้ว ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ

Share