แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อขายกระทงหนึ่งและฐานขายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง แม้เฮโรอีนที่ขายไปจะเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยมีไว้เพื่อขาย ก็เป็นความผิดต่างกรรมกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 30.42 กรัม (42 ห่อ)ไว้ในความครอบครองเพื่อขาย และจำเลยได้ขายเฮโรอีนดังกล่าวไปบางส่วน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 ฯลฯ
จำเลยให้การรับว่าได้มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองจริง แต่มิได้จำหน่ายให้แก่ผู้อื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี จำคุก 2 ปี ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และผิดตามมาตรา 20 ทวิ จำคุก 5 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ จำคุก 5 ปี ลดฐานรับสารภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อขายกระทงหนึ่ง และฐานขายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง แม้เฮโรอีน 1 ห่อที่ขายไปจะเป็นจำนวนเดียวกับเฮโรอีน 42 ห่อ ที่จำเลยมีไว้เพื่อขายก็ตาม แต่จำเลยก็ขายไปส่วนหนึ่งเสียก่อน จึงเป็นการกระทำผิดฐานขายเฮโรอีนอันเป็นอีกกรรมหนึ่ง เป็นความผิดต่างกรรมไม่ใช่กรรมเดียวดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ 20 ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6 ให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ส่วนการกำหนดโทษและลดโทษนั้น ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์