คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จ. อยู่ในบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยย่อมมีส่วนครอบครองบ้านดังกล่าวจึงเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิห้ามจำเลยเข้าไปหรืออยู่ในบ้านนั้นได้ จำเลยกับผู้เสียหายมีเรื่องผิดใจกัน ผู้ใหญ่บ้านเรียกจำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านของผู้เสียหายเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย การที่จำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านของผู้เสียหายจึงเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร เมื่อการเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันไม่ได้และเกิดโต้เถียงกัน ผู้เสียหายให้จำเลยออกไป จำเลยยังไม่ยอมออกแต่กลับจะทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ การที่จำเลยยังอยู่ที่บริเวณใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายภายหลังที่ผู้เสียหายให้จำเลยออกไปเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกับการที่จำเลยโต้เถียงและจะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อมีผู้อื่นมากันและรั้งจำเลยให้ออกไป จำเลยก็ยอมออกไป การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364, 365

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีมีดเป็นอาวุธบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของนายจรูญ กองมี ผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายห้ามและไล่จำเลยออกไป จำเลยไม่ยอมออกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๔, ๓๖๕(๒) จำคุก ๑ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บ้านของผู้เสียหายปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นพี่ภริยาของผู้เสียหาย และปลูกอยู่ห่างบ้านจำเลยประมาณ ๕ วา ระหว่างบ้านทั้งสองหลังไม่มีรั้วกั้น ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายกับจำเลยมีเรื่องผิดใจกัน ในวันเกิดเหตุนายอำนวยผู้ใหญ่บ้านเรียกจำเลยเข้าไปหาที่ใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายเพื่อเจรจาใช้ราคาโอ่งน้ำที่ผู้เสียหายไปแจ้งความกล่าวหาว่าจำเลยทำโอ่งของผู้เสียหายแตกแต่ตกลงกันไม่ได้และเกิดโต้เถียงกันระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย แล้วผู้เสียหายให้จำเลยออกไป จำเลยไม่ยอมออกแต่กลับจะทำร้ายผู้เสียหายจนผู้ใหญ่บ้านและแม่ของจำเลยเข้ามากันและรั้งจำเลยออกไป และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ คดีนี้ได้ความว่านายจรูญอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวย่อมมีส่วนเป็นผู้ครอบครองบ้านนั้น จึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิห้ามจำเลยได้ การที่จำเลยเข้าไปในบริเวณใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายเมื่อนายอำนวยผู้ใหญ่บ้านเรียกจำเลยเข้าไปหาเพื่อเจรจาใช้ราคาโอ่งน้ำตามที่ผู้เสียหายไปแจ้งความกล่าวหาจำเลยไว้ ถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร เมื่อตกลงกันไม่ได้และเกิดโต้เถียงกันแล้วผู้เสียหายให้จำเลยออกไป จำเลยยังไม่ยอมออก แต่กลับจะทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ การที่จำเลยยังอยู่ที่บริเวณใต้ถุนบ้านผู้เสียหายภายหลังที่ผู้เสียหายให้จำเลยออกไปนั้น เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกับการที่จำเลยโต้เถียงและจะทำร้ายผู้เสียหายนั่นเอง เมื่อมีผู้อื่นมากันและรั้งจำเลยให้ออกไป จำเลยก็ยอมออกไป การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๔, ๓๖๕
พิพากษายืน

Share