แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กระทำโดยรู้อยู่ว่าเป็นการฝ่าฝืนต่อคำสั่งเจ้าพนักงานก็เป็นผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานไม่จำต้องมีเจตนาจงใจขัดคำสั่ง ฎีกาอุทธรณ์ พ.ศ. 2461 ม.8 วิธีพิจารณาอาญาอำนาจศาลฎีกาคดีที่ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์นั้น ถ้าข้อเท็จจริงใดศาลอุทธรณ์ยังมิได้ชี้ขาดมา ศาลฎีกามีอำนาจชี้ขาดแลตัดสินเสียเองได้
ย่อยาว
เดิมจำเลยบุกรุกเข้าไปทำนาในหนองจรเข้ โดยขัดคำสั่งเจ้าพนักงานในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาให้ปรับ ๑๒ บาท บัดนี้จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปทำนาในที่หนองหวงห้ามรายนี้แลไถ่หว่านลงมีเนื้อที่ ๕๐ ไร่ โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานของให้ ลงโทษตามมาตรา ๓๓๔-๗๖
ศาลเดิมพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยได้เข้าทำโดยเชื่อว่าที่นานั้นเป็นที่ซึ่งจำเลยได้ปกครองมาช้านานจึงพิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา ๓๓๔ ข้อ ๒ นั้นเมื่อจำเลยกระทำโดยรู้อยู่ว่าเป็นการฝ่าฝืนต่อคำสั่งเจ้าพนักงานก็เป็นผิดแล้ว หาต้องมีเจตนาจงใจขัดคำสั่งโดยตรงไม่ แลคดีนี้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงมาว่าจำเลยได้ทำนาในเขตต์ซึ่งเจ้าพนักงานหวงห้ามหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเสียเองได้ แลฟังข้อเท็จจริงว่าการที่จำเลยทำนาในครั้งนี้ หาได้ทำเต็มหนองอย่างคราวที่ถูกฟ้องครั้งก่อนไม่ยังเว้นที่ตอนมีน้ำไว้ ๑๐ ไร่กว่า แลที่ซึ่งเจ้าพนักงานหวงห้ามมีเนื้อที่ราว ๙ ไร่ แต่โจทก์สืบไม่ได้ว่าที่ซึ่งรัฐบาลหวงห้ามอยู่ตรงกับที่จำเลยทำนาหรือไม่ จึงยังไม่พอฟังลงโทษได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างให้ยกฟ้องโจทก์