คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านแต่เพียงว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์ของกลาง และไม่มีโอกาสทราบหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า จำเลยทั้งสี่จะนำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้กระทำความผิด ทั้งผู้คัดค้านได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วที่จะป้องกันไม่ให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นเท่านั้น ไม่มีประเด็นว่ารถแทรกเตอร์ (แบ็กโฮ) ของกลาง เป็นเครื่องมือที่จำเลยทั้งสี่ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ การที่ผู้คัดค้านเพิ่งกล่าวในชั้นอุทธรณ์ว่าพยานที่เห็นรถแทรกเตอร์ (แบ็กโฮ) ดังกล่าวในที่เกิดเหตุมีเหตุโกรธเคืองกับผู้คัดค้านมาก่อน จึงรับฟังไม่ได้ว่ารถแทรกเตอร์ (แบ็กโฮ) ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด ถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รับวินิจฉัยในปัญหานี้ชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 4 , 43 , 135 จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 , 30
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า คดีที่จำเลยทั้งสี่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษดังกล่าว เจ้าพนักงานยึดของกลางซึ่งเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ที่จำเลยทั้งสี่ได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานร่วมกันทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับประทานบัตร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 135 ขอให้ริบทรัพย์สินของกลางดังกล่าวตาม พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 154
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบ ผู้คัดค้านจ้างเหมาจำเลยทั้งสี่ตัดหินแกรนิตในเขตประทานบัตรของผู้คัดค้าน ในอัตราค่าจ้างลูกบาศก์เมตรละ 2,300 บาท ส่งโรงงานของผู้คัดค้านที่กรุงเทพมหานคร ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสี่กระทำผิดสัญญากับผู้คัดค้าน โดยผู้คัดค้านไม่มีโอกาสทราบ หรือไม่มีเหตุอันสมควรสงสัยว่าจำเลยทั้งสี่จะนำทรัพย์สินของผู้คัดค้านดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิด โดยมิได้รับคำสั่งหรือได้รับคำยินยอมจากผู้คัดค้าน หรือโดยสำคัญผิดของจำเลยทั้งสี่เอง และไม่ได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งริบของกลาง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของผู้คัดค้านที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รับวินิจฉัยมีว่า รถแทรกเตอร์ (รถแบ็กโฮ) เป็นเครื่องมือที่จำเลยทั้งสี่ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งคดีนี้ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเฉพาะแต่เพียงว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์ของกลาง และผู้คัดค้านไม่มีโอกาสทราบหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า จำเลยทั้งสี่จะนำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้กระทำความผิดจนถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษ ทั้งผู้คัดค้านได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วที่จะป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นหรือไม่เท่านั้น โดยไม่มีประเด็นว่ารถแทรกเตอร์ (แบ็กโฮ) เป็นเครื่องมือที่จำเลยทั้งสี่ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ การที่ผู้คัดค้านเพิ่งกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่า พยานที่เห็นรถแทรกเตอร์ (รถแบ็กโฮ) ของกลางในที่เกิดเหตุมีเหตุโกรธเคืองกับผู้คัดค้านมาก่อน จึงรับฟังไม่ได้ว่ารถแทรกเตอร์ (รถแบ็กโฮ) ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share