แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ ถ้า ส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นถือ ว่าดำเนินการต่อไปเมื่อล่วงเลยเวลาตาม ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ โดย มิได้อ้างเหตุผลและความจำเป็นใด ๆ ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยเพิ่งจะยกข้ออ้างที่ว่าเพิ่งรู้ว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ไม่ได้เมื่อไปดู รายงานการเดินหมายมาอ้างในชั้นฎีกาข้ออ้างดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
ย่อยาว
คดีเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ ให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 27,000 บาท และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 10,000 บาท กับค่าเสียหายอีกเดือนละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะคืนรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์หรือใช้ราคาเสร็จสิ้นจำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และให้จำเลยที่ 2 นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นให้ถือว่าทิ้งอุทธรณ์ เจ้าพนักงานเดินหมายได้รายงานว่าไปส่งสำเนาอุทธรณ์ให้กับทนายโจทก์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2530 แต่ส่งไม่ได้ ต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2531 จำเลยที่ 2 ยื่นคำแถลงขอให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ใหม่ ส่งไม่ได้ขอให้ปิด ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำแถลงเกินกำหนด 15 วัน ส่งศาลอุทธรณ์สั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้น อันเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2), 246 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความศาลอุทธรณ์
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 นำส่งสำเนาอุทธรณ์ ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นให้ถือว่าทิ้งอุทธรณ์โดยมีคำสั่งในวันที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์นั่นเอง กรณีต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ทราบคำสั่งของศาลที่สั่งให้จำเลยที่ 2 ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นแล้ว จำเลยที่ 2 มีหน้าที่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามคำสั่งศาล ข้อเท็จจริงปรากฏว่าส่งไม่ได้เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2530 ตามหน้าที่ที่เกิดจากคำสั่งศาลของจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 จะต้องรู้ว่าส่งไม่ได้นับแต่วันดังกล่าว จำเลยที่ 2 ยื่นแถลงเพื่อดำเนินการต่อไปในวันที่ 19มกราคม 2531 ล่วงเลยเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ โดยมิได้อ้างเหตุผลและความจำเป็นใด ๆ ให้เห็นได้ในคำแถลงว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ข้ออ้างที่ว่าเพิ่งรู้ว่าส่งไม่ได้เมื่อไปดูรายงานการเดินหมายนั้น ถ้าการณ์เป็นดังกล่าวจำเลยที่ 2 ก็สามารถที่จะยกขึ้นอ้างในคำแถลงของตนที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นได้ แต่เพิ่งยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกา ข้ออ้างดังกล่าวจึงมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีการับพิจารณาข้ออ้างนี้ไม่ได้การที่จำเลยที่ 2 เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น ถือได้ว่าเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 2 นั้นเป็นการชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.