แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 กับ ส. เข้าไปในร้านของผู้เสียหาย ส. พูดกับผู้เสียหายว่าขอเงิน 100 บาท จะเอาไปซ่อมปืน ผู้เสียหายตอบว่าไม่มี ส. พูดว่าให้คิดให้ดี ๆ ชีวิตผู้เสียหายสำคัญกว่า พวกของ ส. มีมาก และชี้ให้ดูพวกที่ยืนอยู่ที่ถนนนอกร้านประมาณ 20 คน พอดีมีคนเข้ามาในร้าน ผู้เสียหายจึงถือโอกาสหลบหนีไป ต่อมาอีก 2 วัน จำเลยที่ 1ถือจดหมายของ ส. มาอ่านให้ผู้เสียหายฟังว่าต้องการเงิน 500 บาทผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 1 ว่า เย็นนี้รู้กัน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไปที่ร้านผู้เสียหายอีกและถูกตำรวจจับได้ การที่ผู้เสียหายตอบจำเลยที่ 1 ว่าไม่มีเงิน ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นคำตอบปฏิเสธว่าไม่ยอมให้เงินหรือยอมรับว่าจะให้เงินแก่จำเลยที่ 1 กับพวกตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกขู่เข็ญข่มขืนใจ การกระทำของจำเลยที่ 1 อยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดฐานกรรโชก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันกรรโชกผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๗, ๘๓
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๗, ๘๓ ให้จำคุก ๒ ปี คำรับไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่ลดโทษให้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ที่ ๓
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นเพียงพยายามกรรโชกและคำรับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๗, ๘๐ จำคุก ๑ ปี ๔ เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ ครบองค์ความผิดฐานกรรโชกแล้วหาใช่พยายามกรรโชกไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ กับ ส. เข้าไปในร้านของผู้เสียหายพวกของจำเลยประมาณ ๒๐ คน อยู่นอกร้าน ส. พูดกับผู้เสียหายว่า ขอเงิน๑๐๐ บาท ผู้เสียหายตอบว่าไม่มี ส. พูดว่าต้องการเอาเงินไปซ่อมปืน ผู้เสียหายตอบว่าไม่มี ส. พูดว่า ให้คิดให้ดี ๆ ชีวิตผู้เสียหายสำคัญกว่า พวก ส. มีมากและชี้ให้ดูพวกยืนที่ถนน พอดีมีคนเข้ามาในร้าน ผู้เสียหายถือโอกาสหลบหนีไปและต้องคอยหลบจำเลยกับพวก ต่อมาอีก ๒ วัน จำเลยที่ ๑ ถือจดหมาย ส.มาอ่านให้ผู้เสียหายฟังว่าต้องการเงิน ๕๐๐ บาท ผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงินจำเลยที่ ๑ ว่า เย็นนี้รู้กัน หลังจากนั้นจำเลยที่ ๑ ไปที่ร้านผู้เสียหายอีก และถูกตำรวจจับได้ ผู้เสียหายว่าไม่เคยคิดว่าจะให้เงินจำเลยกับพวกจึงตอบไปว่าไม่มีเงิน ศาลฎีกาเห็นว่าที่ผู้เสียหายตอบจำเลยที่ ๑ ว่า ไม่มีเงิน ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นคำตอบปฏิเสธว่าผู้เสียหายไม่ยอมให้เงินหรือยอมรับว่าจะให้เงินแก่จำเลยที่ ๑กับพวกตามที่จำเลยที่ ๑ กับพวกขู่เข็ญข่มขืนใจเรียกร้อง การกระทำของจำเลยที่ ๑อยู่ในชั้นพยายามกระทำความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๗ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐
พิพากษายืน