คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามมาตรา 238 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริตเช่นในคดีร้องขัดทรัพย์ (โจทก์นำยึดทรัพย์ที่อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ร้อง ร้องว่าทรัพย์นั้นผู้ร้องซื้อจากจำเลยแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านโดยอ้างว่าการซื้อขายไม่เป็นไปโดยสุจริต เพราะจำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยการสมยอมกัน)ผู้ร้องได้โอนทรัพย์นั้นให้บุคคลภายนอกไปอีกทอดหนึ่งแล้วถ้าโจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้สำเร็จผลแห่งการเพิกถอนนั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนไป(อีกทอดหนึ่งนั้น)โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องว่าห้องแถวและที่ดินที่โจทก์นำยึด 2 ห้อง เป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องซื้อมาจากจำเลยที่ 1 ขอให้ปล่อยการยึด

โจทก์คัดค้านว่า การซื้อขายรายนี้ไม่เป็นไปโดยสุจริต เป็นการสมยอมกันเพื่อป้องกันมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ถอนการยึด

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องโดยผู้ร้องรู้ดีว่าทำให้โจทก์และเจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบโจทก์จึงขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายรายนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

พิพากษากลับให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลอุทธรณ์ และว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่านิติกรรมซื้อขายรายนี้ทำกันก่อนโจทก์ยื่นฟ้อง ผู้ร้องจึงได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 238 นั้นเห็นว่า มาตรา 238 ดังกล่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริต เช่น ผู้ร้องคดีนี้ได้โอนทรัพย์พิพาทให้บุคคลภายนอกไปอีกทอดหนึ่ง ถ้าโจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้สำเร็จแล้ว ผลแห่งการเพิกถอนนั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนไปโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก่อนที่โจทก์ได้ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล

พิพากษายืน

Share