คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่ามีผู้ประสงค์เงินสินบนนำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยทองคำแท่งเป็นของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพและมิได้โต้แย้งเรื่องผู้นำจับเท่ากับยอมรับว่ามีผู้นำจับจริง แม้คำให้การจำเลยจะมีข้อความว่า ส่วนข้อหานอกนั้นขอให้การปฏิเสธ ก็เป็นการ ปฏิเสธข้อหาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด มิใช่ปฏิเสธว่าไม่มีผู้นำจับ ดังนั้นแม้โจทก์ไม่สืบพยาน ก็ฟังได้ว่าคดีนี้มีผู้นำจับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำทองคำแท่งอันเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน ๑ แท่ง จากประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่าเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิได้รับอนุญาต และมิได้เสียภาษี มิได้ผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้อง หรือมิฉะนั้นจำเลยได้ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปเสียหรือรับเอาไว้โดยประการอื่นใดซึ่งทองคำแท่งดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายและจำเลยเป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติและสัญชาติพม่า เข้ามาในราชอาณาจักรไทยที่ซึ่งมิใช่ช่องทางอนุญาตและโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๙๖ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปรามปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒….ฯลฯ สั่งริบของกลาง กับสั่งจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและเงินรางวัลแก่ผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหารับไว้โดยประการใดซึ่งสินค้าทองคำแท่งที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร (โดยฝ่าฝืนกฎหมาย) ส่วนข้อหานอกนั้นจำเลยขอให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. ๒๔๖๙ จำคุก ๑ ปี ผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ จำคุก ๒ เดือน ปรับ ๑,๐๐๐ บาท รวมเป็นจำคุก ๑ ปี ๒ เดือนและปรับ ๑,๐๐๐ บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๗ เดือนและปรับ ๕๐๐ บาท แต่ให้รอการลงโทษ ของกลางริบ จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้จับตามกฎหมาย ส่วนเงินสินบนพิเคราะห์จากสำนวนการสอบสวนแล้วรับฟังไม่ได้ว่ามีผู้นำจับ ให้ยกคำขอ
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้สั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ มีผู้ประสงค์เงินสินบนนำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยทองคำแท่ง ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยเป็นของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับทองคำแท่งดังกล่าวไว้โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยมิได้โต้แย้งเรื่องผู้นำจับก็เท่ากับยอมรับว่า มีผู้นำจับในข้อหาที่จำเลยให้การรับสารภาพนั้นตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องจริง แม้คำให้การจำเลยจะมีในตอนท้ายว่า ส่วนข้อหานอกนั้นขอให้การปฏิเสธ ก็เป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาฐานนำทองคำแท่งของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายที่โจทก์กล่าวหาจำเลยในคดีนี้ด้วย มิใช่ปฏิเสธว่าไม่มีผู้นำจับ ดังนั้นแม้โจทก์ไม่สืบพยานก็ฟังได้ว่าคดีนี้มีผู้นำจับซึ่งมีสิทธิได้รับสินบนตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พุทธศักราช ๒๔๘๙ มาตรา ๕ และ ๖
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จ่ายสินบนแก่ผู้นำจับร้อยละสามสิบของราคาของกลาง หากของกลางที่ศาลสั่งริบไม่อาจขายได้ ให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระต่อศาล นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share