แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าของกลางเป็นสิ่งลามกอนาจาร จำเลยให้การรับสารภาพ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นสิ่งลามกอนาจาร เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย และจำเลยอุทธรณ์เพียงขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกการที่จำเลยฎีกาต่อมาว่าของกลางไม่ใช่สิ่งลามกอนาจารจึงเป็นการยกข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้เถียงไว้ในศาลชั้นต้นขึ้นมาอ้าง และเป็นการฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีสิ่งพิมพ์ลามกอนาจารไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกหรือแสดงออกแก่ประชาชน ตามของกลางรวม ๑๑ รายการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๗ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางลำดับที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๑๐ ไม่เป็นสิ่งลามก ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง นอกนั้นเป็นความผิดพิพากษาลงโทษจำคุก ๓ เดือน ของกลางลำดับที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๑๐ ไม่ริบ นอกนั้นริบ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าของกลางลำดับที่ ๕ ถึง ๙ และลำดับที่ ๑๑ ไม่ใช่สิ่งลามกเพราะภาพของกลางดังกล่าวเป็นภาพที่แสดงถึงส่วนสัดความสมบูรณ์ของร่างกายที่มิได้มีสิ่งปกปิด โดยเฉพาะส่วนล่างก็พยายามปกปิดหรือทำเป็นเพียงเงา ๆ และได้ลบเลือนให้เป็นอวัยวะที่ราบเรียบแล้วมีลักษณะไม่น่าเกลียดน่าอุดจาดบัดสีหรือเป็นภาพลามก และการที่จำเลยได้จำหน่ายจ่ายแจกของกลางดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าเป็นการจำหน่ายจ่ายแจกหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อแสดงออกแก่ประชาชน ซึ่งสิ่งลามกอนาจารแต่ประการใดนั้นศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องไว้ว่าของกลางลำดับที่ ๕ ถึง ๙ และลำดับที่ ๑๑ เป็นสิ่งลามกอนาจารจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องไม่ได้โต้เถียงว่าของกลางนั้นไม่ใช่สิ่งลามกอนาจาร จึงต้องฟังว่าของกลางลำดับที่ ๕ ถึง ๙ และลำดับที่ ๑๑ เป็นสิ่งลามกอนาจาร ทั้งปรากฏว่าจำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเฉพาะแต่เพียงขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกเท่านั้น ดังนั้น ข้อที่จำเลยฎีกาว่าของกลางลำดับที่ ๕ ถึง ๙ และลำดับที่ ๑๑ ไม่ใช่สิ่งลามกอนาจารจึงเป็นการยกข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้เถียงไว้ในศาลชั้นต้นขึ้นมาอ้าง และเป็นการฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกามาจึงไม่ชอบ
พิพากษายกฎีกาจำเลย.