คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายเตาอบชุบ พิพาทข้อ 8 วรรคแรก ระบุว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และข้อ 9 ระบุว่า “ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2)ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อยอมรับมอบสิ่งของที่ผู้ขายส่งมอบล่าช้าให้ถือว่า ผู้ซื้อได้บอกสงวนสิทธิในการเรียกเบี้ยปรับในเวลาส่งมอบแล้ว” เมื่อเตาอบชุบ พิพาทที่ผู้ขายติดตั้งให้ผู้ซื้อไม่สามารถใช้งานได้ตามที่ระบุไว้ในสัญญา และผู้ซื้อได้ให้โอกาสแก่ผู้ขายทดลองเตาอบชุบเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ หลายครั้ง แต่ผู้ขายก็ไม่อาจแก้ไขได้ ดังนี้ แม้จะล่วงเลยกำหนดเวลาส่งมอบเตาอบชุบตามสัญญาแล้วเมื่อผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรกผู้ซื้อก็มีสิทธิปรับผู้ขายเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญา ในระหว่างที่มีการปรับนั้นหากผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรก และวรรคสองและผู้ซื้อมีสิทธิปรับเป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญา

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่าจำเลยตกลงซื้อเตาอบชุบอะลูมินั่มเจือพร้อมติดตั้งใช้การได้ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงรายการและลดราคาเหลือ 7,400,000 บาท โจทก์ติดตั้งเตาอบชุบเรียบร้อยแล้วแต่จำเลยไม่ยอมรับอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญา และบอกเลิกสัญญาซื้อขายกับเรียกเบี้ยปรับอันเป็นการไม่ชอบ ขอให้จำเลยรับเตาอบชุบและชำระราคาแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่าเตาอบชุบที่โจทก์ติดตั้งไม่มีคุณสมบัติตามสัญญา โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและจำเลยเลิกสัญญาแล้วขอให้ยกฟ้อง
สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อขายเตาอบชุบพร้อมติดตั้งใช้งานได้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 นำเตาอบชุบไปประกอบติดตั้งในโรงงานของโจทก์แต่ไม่สามารถทำงานได้ตามสัญญา ได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆเรื่อยมา แต่เตาอบชุบไม่สามารถทำงานได้ตามที่กำหนดไว้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าปรับให้โจทก์เป็นรายวันตามสัญญาในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของ คิดเป็นค่าปรับ 6,082,800 บาทและโจทก์มีสิทธิรับเงินประกันที่จำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันของจำเลยที่ 2 มาวางประกันจำนวนเงิน 740,000 บาท ขอให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ร่วมกันใช้เงิน 6,822,800 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยโดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในจำนวน 740,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1ให้การว่าผลการทดสอบเตาอบชุบสามารถทำงานได้ตามสัญญา หากมีข้อบกพร่องโจทก์ชอบที่จะจัดการแก้ไขให้ถูกต้อง มิใช่ปฏิเสธไม่รับมอบจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดชำระค่าปรับแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ผิดสัญญาซื้อขายกับโจทก์จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาคดีทั้งสองโดยเรียกบริษัทเอลคอร์ป (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นโจทก์ที่ 1 ธนาคารทหารไทยจำกัด เป็นโจทก์ที่ 2 และเรียกกองทัพอากาศว่าเป็นจำเลย แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิเลิกสัญญา เห็นสมควรลดค่าปรับคงปรับเพียง 1,500,000 บาท และจำเลยมีสิทธิได้รับเงินประกันจากโจทก์ที่ 1 อีก 740,000 บาท โจทก์ที่ 2 ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโจทก์ที่ 1 ต่อจำเลย พิพากษาให้โจทก์ที่ 1ชำระเงินให้จำเลย 2,240,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องโดยให้โจทก์ที่ 2 ร่วมรับผิด 740,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยส่วนฟ้องของโจทก์ที่ 1 ให้ยก
โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาแต่จำเลยไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากโจทก์ที่ 1 จนถึงวันบอกเลิกสัญญา การที่จำเลยตั้งมูลฟ้องเรียกเบี้ยปรับก็เพื่อเป็นเกณฑ์กำหนดค่าเสียหาย ซึ่งศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามสมควรและเห็นสมควรให้โจทก์ที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเท่าค่าปรับที่ศาลชั้นต้นกำหนด พิพากษายืน โจทก์ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาที่ว่าโจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายเตาอบชุบหรือไม่นั้น ปรากฏว่ามีการตรวจรับพัสดุและทดสอบเตาอบชุบกันหลายครั้ง ทุกครั้งยังมีข้อบกพร่องอยู่ จนกระทั่งมีการตรวจรับครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 และ 20 ตุลาคม 2525ตามรายงานผลการตรวจรับพัสดุหมาย ล.8 โจทก์ที่ 1 อ้างว่าในการตรวจรับครั้งสุดท้ายนี้เตาอบชุบทำอุณหภูมิได้ตามที่กำหนดในสัญญาแล้วจำเลยต้องรับมอบและชำระราคาให้โจทก์ที่ 1 ตามสัญญา ฝ่ายจำเลยอ้างว่าการติดตั้งเตาอบชุบของโจทก์ที่ 1 ไม่ถูกต้องตามสัญญาหลายประการ ข้อสำคัญคือ การทำงานของเตาอบชุบนั้นไม่ได้มาตรฐานตามความมุ่งหมายของจำเลยตามที่ระบุในสัญญาคือไม่สามารถอบชุบโลหะอลูมินั่มเจือให้ได้ความแข็งและแรงดึงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในMIL-H-6088 โดยในการทดสอบการทำงานของเตาอบชุบ 3 ครั้งตามรายงานผลการตรวจรับพัสดุหมาย ล.8 แผ่นที่ 2 ผลปรากฏว่าทั้งความแข็งและแรงดึงของอลูมินั่มเจือที่ทดลองอบชุบได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งสามครั้ง ที่โจทก์ที่ 1 ฎีกาว่าการทดสอบการอบชุบอลูมินั่มเจือที่ได้ค่าความแข็งและแรงดึงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเป็นเพราะความผิดพลาดบกพร่องของเจ้าหน้าที่ของจำเลยผู้ทำการทดสอบมิใช่เกิดจากความบกพร่องของเตาอบชุบซึ่งโจทก์ที่ 1 จะต้องรับผิดชอบนั้น…ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำให้การของโจทก์ที่ 1 ดังกล่าว โจทก์ที่ 1ยอมรับว่าในการทดลองเตาอบชุบทุกครั้งนั้นโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ร่วมทำการทดลองกับจำเลยด้วย ซึ่งเจือสมกับทางนำสืบของจำเลย นอกจากนี้ตามเอกสารหมาย ล.8 ดังกล่าวก็มีผู้แทนโจทก์ที่ 1 ลงนามไว้ด้วยทั้งตามเอกสารนี้ในหน้า 3 ปรากฏว่าผู้ที่ลงชื่อในฐานะผู้ทดลองเป็นบุคคลธรรมดาใช้คำว่านาย ไม่มียศทหาร แต่ผู้ที่ลงชื่อรับรองกลับมียศทหารเช่นนี้ บ่งชี้ว่าผู้ทำการทดลองเตาอบชุบทั้งสามครั้งที่ได้ค่าความแข็งและแรงดึงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานนั้นเป็นคนของโจทก์ที่ 1 ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น ต้องฟังว่าจำเลยได้ให้โอกาสโจทก์ที่ 1 ทดลองเตาอบชุบเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ แล้ว แต่โจทก์ที่ 1 ก็ไม่อาจแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้เพราะเมื่อแก้ไขแล้วเตาอบชุบยังไม่สามารถอบชุบโลหะให้ได้ค่าความแข็งและแรงดึงตามเกณฑ์ที่กำหนดในสัญญา แสดงว่าเตาอบชุบพิพาทมีความบกพร่อง ไม่สามารถใช้งานได้ตามความมุ่งหมายของจำเลยดังที่ปรากฏในสัญญา โจทก์ที่ 1 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายรายนี้ และไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับมอบและชำระราคาเตาอบชุบพิพาทได้…
โจทก์ที่ 1 ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ตามข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายลงวันที่ 30 ตุลาคม 2524 ซึ่งล่วงเลยกำหนดเวลาส่งมอบเตาอบชุบแล้ว และเตาอบชุบยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ต่อมาได้ทำการทดสอบเพื่อส่งมอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2525 ซึ่งล่วงเลยกำหนดเวลาส่งมอบไปแล้วถึง 4 เดือน โดยจำเลยมิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อกำหนดของสัญญาซื้อขายแต่ประการใด และหลังจากนั้นจำเลยได้ยินยอมให้ทำการทดสอบเพื่อส่งมอบกันอีกถึง 4 ครั้งผลการทดสอบครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19-20 ตุลาคม 2525 ปรากฏว่าได้ค่าความแข็งและแรงดึงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงว่าจำเลยยินยอมสละสิทธิการบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8และยินยอมรับเอาเตาอบชุบไว้ตามสัญญาข้อ 9 โดยยินยอมให้โจทก์ที่ 1แก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องของเตาอบชุบจนใช้การได้ต่อไป การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องค่าปรับเต็มตามจำนวนราคาสินค้าโดยถือว่าโจทก์ที่ 1 ผิดสัญญาตั้งแต่วันครบกำหนดส่งมอบจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาซื้อขายหมาย จ.1 (ล.16)ข้อ 8 วรรคแรก ระบุว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบและติดตั้งทดลองสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ส่วนสัญญาข้อ 9 ระบุว่า “ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน
ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้
ในกรณีที่ผู้ซื้อยอมรับมอบสิ่งของที่ผู้ขายส่งมอบล่าช้าให้ถือว่า ผู้ซื้อได้บอกสงวนสิทธิในการเรียกเบี้ยปรับในเวลาส่งมอบแล้ว”
จะเห็นได้ว่าพฤติการณ์ในคดีนี้เป็นกรณีที่ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรก ซึ่งผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรกนั้นเอง และยังเป็นกรณีตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกและวรรคสองด้วย กล่าวคือ ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8ผู้ซื้อจึงมีสิทธิปรับผู้ขายเป็นรายวันนับจากวันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญา และในระหว่างที่มีการปรับนั้นผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ กล่าวคือ ผู้ซื้อได้ให้โอกาสผู้ขายทดลองเตาอบชุบหลายครั้งจนเชื่อว่าเตาอบชุบไม่อาจทำงานได้ตามวัตถุประสงค์แห่งสัญญา ผู้ซื้อจึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 วรรคสองซึ่งผู้ซื้อมีสิทธิปรับเป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาตามข้อเท็จจริงในคดีนี้หาใช่เป็นกรณีที่ผู้ซื้อยอมรับมอบสิ่งของที่ผู้ขายส่งมอบล่าช้าตามสัญญาข้อ 9 วรรคท้าย ดังที่โจทก์ที่ 1ฎีกาไม่ ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน..ฯลฯ..
พิพากษายืน

Share