แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในระหว่างที่จำเลยที่2กำลังก่อสร้างทาวน์เฮาส์จำเลยที่1ได้ไปตั้งสำนักงานติดต่อซื้อขายทาวน์เฮาส์ของจำเลยที่2โดยใช้ชื่อโครงการซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อร้านอาหารของจำเลยที่2จำเลยที่1ได้เช่าบริเวณหน้าบ้านของท. ซึ่งอยู่คนละฟากถนนตรงกันข้ามกับสถานที่ก่อสร้างเป็นสำนักงานขายชั่วคราวมีพนักงาน2คนคอยให้บริการมีแผ่นใบปลิวโฆษณาแบบบ้านและราคาบ้านจำเลยที่1ยังปิดประกาศขายทาวน์เฮาส์ตลอดแนวถนนที่จะเข้ามายังบริเวณก่อสร้างจำเลยที่2ขับรถไปจอดที่บริเวณก่อสร้างและพูดสั่งงานแก่คนงานก่อสร้างและพนักงานของจำเลยที่1พาลูกค้าไปพูดคุยกับจำเลยที่2ที่บริเวณก่อสร้างภริยาจำเลยที่2ได้ถ่ายเอกสารโฉนดที่ดินของจำเลยที่2ให้จำเลยที่1และจำเลยที่1ได้นำภาพถ่ายโฉนดที่ดินดังกล่าวแสดงให้ผู้ที่มาติดต่อขอซื้อทราบว่าที่ดินที่ก่อสร้างเป็นของจำเลยที่2และจำเลยที่2ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทาวน์เฮาส์โดยถูกต้องตามกฎหมายทั้งจำเลยที่1ยังมีหนังสือสัญญายินยอมซึ่งจำเลยที่2ตกลงมอบอำนาจให้จำเลยที่1เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและทำการขายทาวน์เฮาส์ที่กำลังก่อสร้างบนที่ดินของจำเลยที่2การติดต่อซื้อขายระหว่างจำเลยที่1กับโจทก์และบุคคลอื่นทั่วๆไปก็กระทำกันอย่างเปิดเผยการกระทำของจำเลยที่1ดังกล่าวจำเลยที่2รู้เห็นตลอดมาแต่มิได้ห้ามปรามตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่2เชิดจำเลยที่1ออกแสดงเป็นตัวแทนหรือรู้แล้วยอมให้จำเลยที่1เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่2ในการขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์พิพาทซึ่งรวมทั้งการก*ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์และรับเงินมัดจำด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา821 การเป็นตัวแทนเชิดดังกล่าวหาใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนตามปกติแต่อย่างใดไม่จึงไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 416,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 300,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินจำนวน 340,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 300,000 บาท นับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในระหว่างที่จำเลยที่ 2 กำลังก่อสร้างทาวน์เฮาส์ จำเลยที่ 1 ได้ไปตั้งสำนักงานติดต่อซื้อขายทาวน์เฮาส์ของจำเลยที่ 2 โดยใช้ชื่อโครงการว่าบ้านเรือนทอง ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อร้านอาหารของจำเลยที่ 2 โดยได้ความจากนางทัศนีย์หรือตุ๋ย พึ่งเพ็ง พยานโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ได้เช่าบริเวณหน้าบ้านของนางทัศนีย์ ซึ่งอยู่คนละฟากถนนตรงกันข้ามกับสถานที่ก่อสร้างเป็นสำนักงานขายชั่วคราว มีพนักงาน 2 คน คอยให้บริการ มีแผ่นใบปลิวโฆษณาแบบบ้าน ราคาบ้าน และใช้ชื่อโครงการว่าบ้านเรือนทอง จำเลยที่ 1 ยังปิดประกาศขายทาวน์เฮาส์ตลอดแนวถนนที่จะเข้ามายังบริเวณก่อสร้าง นางทัศนีย์เคยเห็นจำเลยที่ 2ขับรถไปจดที่บริเวณก่อสร้าง และพูดสั่งงานแก่คนงานก่อสร้างและเคยเห็นพนักงานของจำเลยที่ 1 พาลูกค้าไปพูดคุยกับจำเลยที่ 2ที่บริเวณก่อสร้างนอกจากนี้ข้อเท็จจริงได้ความอีกว่าภริยาจำเลยที่ 2ได้ถ่ายเอกสารโฉนดที่ดินทั้ง 3 ฉบับ ของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 1 ได้นำภาพถ่ายโฉนดที่ดินดังกล่าวแสดงให้ผู้ที่มาติดต่อขอซื้อทราบว่าที่ดินที่ก่อสร้างเป็นของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทาวน์เฮาส์ โดยถูกต้องตามกฎหมายทั้งจำเลยที่ 1 ยังมีหนังสือสัญญายินยอมตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ตกลงมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและทำการขายทาวน์เฮาส์ที่กำลังก่อสร้างบนที่ดินของจำเลยที่ 2การติดต่อซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์และบุคคลอื่นทั่ว ๆ ไปก็กระทำกันอย่างเปิดเผย การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวจำเลยที่ 2 จึงย่อมจะรู้เห็นตลอดมา แต่จำเลยที่ 2 แต่ก็มิได้ห้ามปรามหากจำเลยที่ 2 ไม่รู้เห็นยินยอม เชื่อว่าจำเลยที่ 1 คงไม่อาจกระทำเช่นนั้นได้ ตามพฤติการณ์ ดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2เชิดจำเลยที่ 1 ออกแสดงเป็นตัวแทนหรือรู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 1เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์พิพาทแก่โจทก์ ซึ่งรวมทั้งการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ตามเอกสารหมาย จ.5 และรับเงินมัดจำด้วย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821การเป็นตัวแทนเชิดดังกล่าวหาใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนตามปกติแต่อย่างใดไม่ จึงไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนดังนั้น หนังสือสัญญายินยอมตามเอกสารหมาย ล.1 จะเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ ไม่เป็นสาระสำคัญที่ต้องวินิจฉัยอีกต่อไป
พิพากษายืน