คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ มาตรา 34/1 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนวันเลือกตั้งถ้าปรากฏหลักฐานว่าผู้สมัครผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยเร็ว ถ้าเห็นว่าผู้สมัครผู้นั้นขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาวินิจฉัยให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น ดังนั้น เมื่อผู้ร้องตรวจพบว่าผู้คัดค้านขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4) ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
ผู้ร้องมีหลักฐานการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้คัดค้านว่านอกจากผู้คัดค้านจะเป็นสมาชิกพรรค พ. แล้ว ผู้คัดค้านยังเป็นสมาชิกพรรค ช. ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2543 ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2547 พรรค ช. ยุบพรรครวมเข้ากับพรรค ท. ผู้คัดค้านจึงเป็นสมาชิกพรรค ท. ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นหลัก แม้ว่าผู้คัดค้านจะไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกพรรค ท. มาก่อนก็ตาม ทำให้ผู้คัดค้านเป็นทั้งสมาชิกพรรค พ. และพรรค ท. จึงมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน มีผลให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
วันนัดพิจารณา ศาลฎีกาสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องและผู้คัดค้าน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2549 ผู้คัดค้านได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 9 จังหวัดนครศรีธรรมราช สังกัดพรรคพัฒนาชาติไทย ผู้ร้องได้ตรวจสอบหลักฐานการสมัคร คุณสมบัติ และสอบสวนแล้วได้ประกาศรับสมัครผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อมาผู้ร้องได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าตรวจพบรายชื่อผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 และไม่ปรากฏข้อมูลการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้คัดค้าน มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 34/1 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนวันเลือกตั้ง ถ้าปรากฏหลักฐานว่าผู้สมัครผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยเร็ว ถ้าเห็นว่าผู้สมัครผู้นั้นขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาวินิจฉัยให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น ดังนั้น เมื่อผู้ร้องตรวจพบว่าผู้คัดค้านขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4) ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า ผู้คัดค้านขาดคุณบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องมีหลักฐานเป็นข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้คัดค้านตามเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 7 ที่ระบุว่านอกจากผู้คัดค้านจะเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยแล้วผู้คัดค้านยังเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2543 ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2547 ผู้คัดค้านจึงพ้นจากสมาชิกภาพสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเนื่องจากพรรคชาติพัฒนายุบพรรค และในวันเดียวกันผู้คัดค้านเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย โดยไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านพ้นจากสมาชิกภาพสมาชิกพรรคไทยรักไทยแล้ว ข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าเชื่อว่าผู้คัดค้านเคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนา ต่อมาเมื่อพรรคชาติพัฒนายุบรวมเข้ากับพรรคไทยรักไทย ผู้คัดค้านจึงเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นหลัก แม้ว่าผู้คัดค้านจะไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมาก่อนก็ตาม ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่าไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ผู้คัดค้านไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้อง ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่า ผู้คัดค้านเป็นทั้งสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคไทยรักไทย ผู้คัดค้านจึงมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้คัดค้านเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4)”
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของผู้คัดค้านในเขตเลือกตั้งที่ 9 จังหวัดนครศรีธรรมราช

Share