คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอาเงินเขาไปแล้วมอบทองรูปพรรณให้ไว้เป็นประกันนั้น แม้การมอบทองรูปพรรม์ให้ไว้จะเป็นจำนำ ซึ่งอาจบังคับ
กันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ดี แต่ถ้าได้บังคับจำนำกันแล้ว ได้เงินไม่พอชำระต้นเงินและดอกเบี้ย จึง
ต้องมาฟ้องร้องขอให้บังคับชำระเงินที่ยังขาดอยู่แล้ว ก็เท่ากับฟ้องร้องให้ชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปนั่นเอง ถ้ามิได้มีหลัก
ฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญแล้ว ก็จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้./
(ประชุมใหญ่)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองนำสิ่งของทองรูปพรรณณ์มาจำนำไว้แก่โจทก์ แล้วบ่ายเบี่ยงไม่ชำระเงิน จนโจทก์ต้องขายทอด
ตลาดทองรูปพรรณ์ของจำเลยที่จำนำไว้ เพื่อชดใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย ได้เงิน ๓๘-๒๐ บาท เงินต้นและดอกเบี้ยที่จำเลย
ต้องชำระเป็นเงิน ๕๙๓๖ บาท หักแล้วจำเลยยังต้องชำระให้โจทก์อีก ๑๑๘๐ บาท ดอกเบี้ย ๙๓๖ บบาท ๖๖ สตางค์ จำเลยเพิกเฉยเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระ.
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินที่ค้างแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่จำเลยเอาทองรูปพรรณ์มาจำนำรับเอาเงินของโจทก์ไปนั้น เป็นนิติกรรม ๒ นิติกรรมควบกันไปคือ
นิติกรรมกู้ยืม กับนิติกรรมค้ำประกันหนี้ด้วยสังหาริมทรัพย์ เรีย+ตามกฎหมายว่า จำนำ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงิน
ที่ยังขาดในคดีนี้ เป็นการฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินกู้ยืมบางส่วน เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ฟ้องร้องไม่ได้ พิพากษาแก้
ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า สำหรับกรณีนี้ปรากฎว่า จำเลยเอาเงินของโจทก์ไป ๕๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑
บาท ๒๕ สตางค์ มอบทองรูปพรรณ์ ๙ สิ่งไว้เป็นประกัน ฉะนั้นแม้การมองทองรูปพรรณให้ไว้จะเป็นจำนำ ซึ่งอาจบังคับกันได้โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ดี แต่เมื่อโจทก์บังคับจำนำนั้นไปแล้ว การที่จะมาฟ้องร้องขอให้บังคับ
ให้จำเลยชำระเงินที่ยังขาดอยู่ ก็เท่ากับฟ้องร้องขอให้ชำระหนี้เงินที่กู้ยืมกันไป นั่นเอง มูลหนี้ในเรื่องการกู้ยืมเงินนั้น
มาตรา ๖๕๓ บังคับไว้ว่าเมื่อกว่า ๕๐ บาทขึ้นไป ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้ว จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ การฟ้อง
ของโจทก์ในดคนี้ เป็นการฟ้องจำเลยในฐานเป็นลูกหนี้เงินกู้ จำนำ เพราะการจำนำได้สิ้นสุดแล้วด้วยการบังคับ
ดังกล่าวแล้ว สิทธิฟ้องของโจทก์จึงหามีไม่ใช่ฟ้องในฐานะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว จึงพิพากษายืน.

Share