คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายในข้อ 1 ว่า มีโจรลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ข้อ 2 บรรยายว่า จับของกลางบางส่วนได้ที่จำเลยที่ 1-2 กำลังจะนำไปจำหน่ายทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 ได้สมคบกันเป็นคนร้ายลักมาตามที่กล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจร ดังนี้ แม้จะมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3-4 ได้กระทำการเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์ของกลางประการใดด้วย ก็ยังถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ ที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)

ย่อยาว

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า ข้อ 1 เมื่อวันที่ 4, 7, 10, 11, 13,15, 17 มกราคม 2489 เวลากลางวันมีโจรบังอาจลักตัดเอาลวดสายไฟฟ้าของเทศบาลเชียงใหม่ไปหนัก 363 กิโลกรัม ราคา 13,898 บาท ข้อ 2เมื่อวันที่ 25 เดือนเดียวกันเวลากลางคืน เจ้าพนักงานขับสายลวดไฟฟ้าที่ถูกโจรลักได้เป็นของกลางจากจำเลยที่ 1-2 หนัก 33 กิโลกรัมซึ่งกำลังบรรทุกรถ 3 ล้อนำไปเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 สมคบกันเป็นโจรลักตัดเอาสายลวดไฟฟ้าดังกล่าวแล้วไปตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับเอาลวดสายไฟฟ้าของกลางรายนี้ไว้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ตามวันเวลาที่กล่าวในข้อ 1-2 ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ และรับของโจร

จำเลยที่ 1-2 รับสารภาพฐานรับของโจร จำเลยที่ 3-4 ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1, 2, 3 ฐานรับของโจร ส่วนจำเลยที่ 4 ยกฟ้อง

จำเลยที่ 3 ผู้เดียวอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำการเกี่ยวกับลวดไฟฟ้าของกลางแต่อย่างใดตามที่บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) นอกจากนั้นข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 3 จึงพิพากษาแก้ให้ปล่อยจำเลยที่ 3

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์เป็นการเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดีแล้ว ว่าถูกหาเป็นโจรลักหรือรับลวดไฟฟ้าของกลางไว้โดยรู้ว่าได้มาจากการกระทำผิด ดังได้เคยวินิจฉัยในคำพิพากษา ฎีกาที่ 277/2490 จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายส่วนข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำผิด จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานรับของโจร

Share