คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการปล้นทรัพย์ จำเลยถือปืนจ้องระวังอยู่หน้าบันไดเรือนผู้เสียหายเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยคอยขัดขวางมิให้คนมาช่วยผู้เสียหายซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ประกอบด้วยมาตรา 83

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2511 เวลากลางคืนจำเลยกับพวกอีก 5 คนได้สมคบกันกระทำผิดด้วยกันมีอาวุธปืนติดตัวเป็นคนร้าย ทำการปล้นทรัพย์ธนบัตรเป็นเงิน 250 บาทของนายขอด สุวรรณวงค์ ไป เหตุเกิดที่ตำบลสองแคว อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และได้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยกับพวกใช้ขับขี่ไปกระทำผิดคดีนี้รวม 3 คันเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 250 บาทแก่เจ้าทรัพย์และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง 1 คัน และขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาดำที่ 1279/2511 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ จำเลยขอให้การใหม่ว่าจำเลยขับรถรับส่งพวกปล้นทรัพย์จริง

ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 86จำคุก 6 ปี 8 เดือน จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนและชั้นศาล ลดให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 250 บาทแก่ผู้เสียหาย ของกลางไม่ริบ

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษเป็นตัวการร่วมกระทำผิดและขอให้ริบของกลางด้วย

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยได้เข้าร่วมทำการปล้นทรัพย์ของนายขอดผู้เสียหายด้วย แต่ที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วยนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งได้ใช้หรือมีไว้ใช้ในการกระทำผิด จึงไม่ริบ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2, 83ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 10 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนและชั้นศาลเมื่อสืบพยานเสร็จแล้วมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้กระทำเพียงแต่ขับรถจักรยานยนต์รับส่งคนร้ายที่มาปล้นผู้เสียหายเท่านั้น จึงควรมีความผิดฐานผู้สนับสนุนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์มีพยานหลักฐานฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยนี้ถือปืนสั้นอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้เสียหาย จำเลยจ้องปืนขู่ไม่ให้คนเข้าไป ต่อมาก็มีคนร้ายลงจากเรือนผู้เสียหาย 2 คนวิ่งหนีไป จำเลยก็ได้วิ่งหนีไปทางเดียวกัน อันเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยเจตนาคอยช่วยเหลือดูต้นทางและคอยขัดขวางมิให้คนมาช่วยผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ อันเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาวางบทกำหนดโทษจำเลยมา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พร้อมกันพิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลย

Share