แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ข้าราชการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและคำสั่งของทางราชการนั้น อาจทำให้ข้าราชการต้องรับผิดในทางวินัยก็จริงแต่จะถือเป็นหลักแน่นอนตายตัวว่า เมื่อข้าราชการผู้ใดกระทำผิดวินัยแล้วต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 เสมอไปหาได้ไม่ การที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดต่อโจทก์นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการที่จำเลยกระทำผิดวินัยนั้นเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์เสียหาย
จำเลยรับราชการเป็นครู อาจารย์ใหญ่ได้ออกคำสั่งแต่ตั้งจำเลยเป็นครูเวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่แต่ต้องมาอยู่เวร ที่โรงเรียน และนอนในห้องที่โรงเรียนจัดไว้ คืนเกิดเหตุจำเลยไม่ได้มาอยู่เวร คงมีแต่ภารโรงทำหน้าที่เป็นคนยาม ระหว่างอยู่ยามรักษาการณ์คนยามได้หลับยาม คนร้ายจึงได้งัดเข้าไปลักทรัพย์ในโรงงานที่ 4 และ ที่ 6 ของโรงเรียนที่อยู่ห่างที่ครูเวรนอนออกไปถึง 50 เมตร และ 250 เมตร ตามลำดับ ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้อยู่เวรจะล่วงรู้ได้ ถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดการลักทรัพย์ดังกล่าวขึ้นได้ เพราะไม่มีหน้าที่เป็นคนยามตรวจตราเฝ้าขโมย การที่โรงเรียนถูกลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ผลโดยตรงจากการที่จำเลยไม่มาอยู่เวร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นครู อาจารย์ใหญ่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยทำหน้าที่ ครูเวรรักษาการณ์บริเวณโรงเรียนตามมติคณะรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๑๗ เวลา ๑๗.๐๐ น. ถึงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๑๗ เวลา ๗.๓๐ น. โดยมีภารโรงของโรงเรียนทำหน้าที่เป็นยามรักษาการณ์ร่วมด้วย แต่จำเลยได้ละทิ้งหน้าที่ไม่มาอยู่เวรที่โรงเรียนโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอลาล่วงหน้า เพื่ออาจารย์ใหญ่จะได้จัดให้ผู้อื่นอยู่เวรแทน ส่วนภารโรงซึ่งทำหน้าที่ยามในคืนเกิดเหตุได้หลับยาม เป็นเหตุให้คนร้ายถือโอกาสเข้าไปลักทรัพย์สิ่งของซึ่งเก็บไว้ภายในโรงเรียนไป จำเลยและภารโรงจะต้องร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในทางละเมิด ภารโรงได้ทำสัญญาสภาพหนี้ให้แล้ว จำเลยไม่ยอมทำ จึงขอให้จำเลยชำระค่าเสียหาย ๑๔,๐๒๐ บาทให้โจทก์
จำเลยให้การว่า การจัดให้อยู่เวรก็เพื่อป้องกันอัคคีภัย หาใช่เพื่อป้องกันขโมยไม่ การดูแลทรัพย์สินมีเจ้าหน้าที่ยามเป็นผู้ดูแลรักษาโดยตรงอยู่แล้ว จำเลยไม่ได้ไปอยู่ก็เนื่องจากจำเลยป่วย การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดตามกฎหมายและคดีขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหาย ให้โจทก์เป็นเงิน ๙,๓๔๖.๖๗ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริง ที่ศาลร่างได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๘, ๒๔๗ ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้มีว่าขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการเป็นครูโรงเรียนสังกัดกระทรวงอาชีวศึกษา อาจารย์ใหญ่ได้ออกคำสั่งแต่ตั้งจำเลยเป็นครูเวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่แต่ต้องมาอยู่เวร ที่โรงเรียน และนอนในห้องที่โรงเรียนจัดไว้ คืนเกิดเหตุจำเลยไม่ได้มาอยู่เวร คงมีแต่ภารโรงทำหน้าที่เป็นคนยาม ระหว่างอยู่ยามรักษาการณ์คนยามได้หลับยาม คนร้ายจึงได้งัดเข้าไปลักทรัพย์ในโรงเรียนไปเป็นราคา ๑๔,๐๒๐ บาท ภารโรงใช้ค่าเสียหายให้หนึ่งในสามเป็นเงิน ๔,๖๗๓.๓๓ บาท ส่วนที่เหลืออีกสองในสามเป็นเงิน ๙,๓๔๖.๖๗ บาท ที่ประชุมหัวหน้ากองกรมอาชีวศึกษาลงมติให้จำเลยชดใช้ จำเลยไม่ยอมใช้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ข้าราชการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและคำสั่งของทางราชการนั้น อาจทำให้ข้าราชการต้องรับผิดในทางวินัยก็จริงแต่จะถือเป็นหลักแน่นอนตายตัวว่า เมื่อข้าราชการผู้ใดกระทำผิดวินัยแล้วต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ เสมอไปหาได้ไม่ การที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดต่อโจทก์นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการที่จำเลยกระทำผิดวินัยนั้นเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์เสียหายการที่คนร้ายลอบเข้ามาทำการลักทรัพย์ของโรงเรียนไปครั้งนี้ผู้เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดผลเสียหายแก่โจทก์โดยตรงคือคนร้ายที่ทำการลักทรัพย์นั้น ผู้เป็นสาเหตุสำคัญที่เปิดโอกาสให้คนร้ายสามารถลอบเข้ามาทำการลักทรัพย์ในโรงเรียน คือคนยามซึ่งมัวหลับยามเสีย ส่วนจำเลยซึ่งไม่มาอยู่เวรที่โรงเรียนนั้นแม้จะเป็นการผิดวินัย แต่จะถือว่าเป็นสาเหตุโดยทำให้โรงเรียนถูกลักทรัพย์หาได้ไม่ เพราะถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรที่โรงเรียน หน้าที่ของจำเลยก็มีเพียงควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่ ซึ่งในคืนเกิดเหตุนั้นคนยามก็ได้มาทำหน้าที่อยู่เวรยามที่โรงเรียนอยู่แล้ว เมื่อมีคนยามทำหน้าที่อยู่เวรยามแล้ว ครูเวรก็มีสิทธินอนเวรที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ เพราะคู่เวรไม่มีหน้าที่ออกตรวจตราตลอดคืนดุลคนยามตามแผนที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าฟ้องที่จัดให้ครูเวรนอนอยู่ถึงอาคารเรียนสองชั้น ส่วนโรงงานหมายเลข ๔ และ ๖ ที่ถูกคนร้ายงัดเจ้าไปทำการลักทรัพย์นั้นตั้งอยู่ห่างที่ครูเวรนอนออกไปถึง ๕๐ เมตร และ ๒๕๐ เมตร ตามลำดับ ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้อยู่เวรจะล่วงรู้ได้ ถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดการลักทรัพย์ดังกล่าวขึ้นได้ เพราะไม่มีหน้าที่เป็นคนยามตรวจตราเฝ้าขโมย การที่โรงเรียนถูกลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ผลโดยตรงจากการที่จำเลยไม่มาอยู่เวร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์