แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัสศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าการกระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดีเพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 256, 63
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วเห็นว่าฟ้องโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) คือไม่มีเวลาที่จำเลยกระทำผิด ศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ฟ้อง ในข้อสาระสำคัญเช่นนี้ก็ดูจะไม่เป็นธรรมแก่จำเลยเพราะเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญแก่คดีมาก จึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์
รุ่งขึ้นโจทก์ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีนี้อีกโดยกล่าวมาในฟ้องว่าเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2498 เวลากลางวัน ฯ นอกนั้น คงมีข้อความอย่างเดียวกับในฟ้องเดิม ศาลชั้นต้นเห็นเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) จึงให้ยกฟ้องโจทก์เสีย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน
ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้วได้ความว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยกรณีความผิดเรื่องนี้ครั้งหนึ่งศาลได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) คือไม่มีเวลาที่จำเลยกระทำผิด จึงสั่งให้ยกฟ้อง โจทก์รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก เห็นว่าเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำผิด จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คือได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนดังฎีกาโจทก์คัดค้านมาก็ดี แม้แต่เพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในใบฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลยศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน
เหตุฉะนี้ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฎีกาโจทก์