แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ผู้จัดการ ไม่มีหน้าที่จัดธุรกิจของบริษัท คงเป็นแต่ผู้แทนของบริษัทในฐานะที่บริษัทเป็นนิติบุคคล และมีหน้าที่ให้คำปรึกษาในการประชุมกรรมการแก่ผู้จัดการเท่านั้น ปรากฏว่าการจัดธุรกิจของบริษัทซึ่งอยู่ในความรับผิดของผู้จัดการ ได้ทำให้ต้องเสียหาย ดังนี้ หากกระทำนั้นมิได้อยู่ในข้อหนึ่งข้อใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1168 ซึ่งกรรมการของบริษัทจะต้องรับผิดชอบร่วมกันแล้ว กรรมการที่ไม่ใช่ผู้จัดการก็ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
การที่กรรมการบริษัทละเลยไม่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งให้ทราบว่าบริษัทขาดทุนตลอดมาทุกปี และเมื่อบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการก็ไม่เคยเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการขาดทุนนั้น เป็นข้อที่น่าตำหนิ แต่ก็มิใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้บริษัทเสียหาย กรรมการบริษัทจึงไม่ต้องรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าบริษัทประกันชีวิตบูรพาจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์รับทำการประกันชีวิต โดยมีจำเลยที่ ๑ เป็นประธานกรรมการ จำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการอำนวยการ จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ เป็นทายาทของพลเรือโทหลวงอาจณรงค์ กรรมการซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว จำเลยที่ ๖,๗,๘ และ ๙ เป็นทายาทของนายปิ่น เอี่ยมพานิช กรรมการซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว จำเลยอื่นนอกจากนั้นเป็นกรรมการ บริษัทถูกฟ้องให้ล้มละลาย ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของบริษัทผู้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจสอบพบว่ากรรมการบริษัทต่างทราบถึงฐานะและกิจการของบริษัทผู้ล้มละลายดีกว่าขาดทุนมาตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินกิจการแล้ว แต่ก็หาได้ใช้ความระมัดระวังในการประกอบกิจการค้าดังเช่นบุคคลที่อยู่ในฐานะอย่างผู้ประกอบกิจการบริษัทประกันชีวิตจะพึงกระทำไม่ ยิ่งกว่านั้น ยังประกอบกิจการด้วยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนจะพึงกระทำ เป็นเหตุให้บริษัทเสียหาย คือ ยอมให้นายเฉลิมยืมเงินไป ๕๒๓,๓๙๘.๑๓ บาท นายประเสริฐ ๑๘๗,๓๔๑.๓๐ บาท นายพิศิษฐ์ ๑๒,๖๐๐ บาท นายวิกุล ๒,๔๙๔,๖๐๗.๕๐ บาท โดยมิได้มีหลักประกันหรือหลักฐานอันจะมีผลให้บังคับคดีได้ตามกฎหมาย ปล่อยให้มีเบี้ยประกันค้างอยู่ที่ตัวแทนของบริษัท เป็นเงินประมาณ ๔๒๒,๘๘๓.๙๙ บาท โดยไม่ติดตามทวงถาม นำเงินของบริษัทไปลงทุนในบริษัทบูรพาประกันภัย จำกัด ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้ง ๆ ที่รู้หรือน่าจะได้รู้อยู่แล้วว่าบริษัทดังกล่าวมีฐานะไม่มั่นคง กำลังจะล้มละลาย ซึ่งขณะนี้ศาลได้พิพากษาให้บริษัทดังกล่าวล้มละลายแล้ว ตัวเงินสดสูญหายไป ๒๐๐,๐๓๗.๔๑ บาท โดยไม่มีหลักฐานการจ่ายและเหตุผล งบดุลประจำปีก็ส่งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทไม่ครอบ ขาดหายไปสองปี เงินทุนประกันชีวิตที่ได้กันไว้ ๔๔,๔๒๒,๐๙๕.๗๔ บาท รายการจ่ายเบ็ดเตล็ดที่ฟุ่มเฟือย ๑๓,๙๕๒,๗๗๐.๑๖ บาท กับเงินเบี้ยประกันอีก ๓,๒๒๗,๑๓๗.๘๔ บาท สูญหายไปหมดโดยไม่ปรากฏหลักฐานการจ่าย ผู้ถือหุ้นค้างชำระค่าหุ้นอีกร้อยละ ๗๕ กรรมการบริษัทควรจะเรียกเก็บจากผู้ถือหุ้นก็ไม่เรียกเก็บ เป็นผลให้บริษัทเสียหาย ขาดเงินค่าหุ้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถจะเรียกเก็บได้ด้วยเหตุต่าง ๆ เป็นจำนวน ๔๑ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๖,๖๕๕,๕๐๐ บาท ในคดีที่บริษัทล้มละลาย ได้มีเจ้าหน้าที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวม ๕,๔๕๙ ราย รวมเป็นเงิน ๖๕,๑๖๐,๗๔๑.๕๓ บาท คิดหักกับหนี้สินและทรัพย์สินแล้วคงเหลือที่จะต้องรับผิดชำระแก่เจ้าหน้าอีก ๕๙,๖๖๘,๙๒๘.๕๙ บาท เงินจำนวนนี้กับเงินค่าหุ้นที่ยังเรียกเก็บไม่ได้ เป็นความเสียหายที่บริษัทผู้ล้มละลายประสงค์จะได้รับชดใช้คืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทวงถามแล้ว แต่จำเลยทุกคนไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยทุกคนร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน คือ ค่าหุ้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังเรียกเก็บไม่ได้ ๖,๖๕๕,๕๐๐ บาท กับเงินที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ๕๙,๖๖๘,๙๒๘.๕๙ บาท รวมเป็นเงิน ๖๖,๓๒๔,๔๒๘.๕๙ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม้ต้องรับผิด เพราะตามข้อบังคับของบริษัท ให้มีกรรมการผู้จัดการเป็นผู้มีอำนาจบริหาร รับผิดชอบในกิจการงานของบริษัทคณะกรรมการเป็นแต่ที่ปรึกษาและมีมติในปัญหาที่จะต้องปฏิบัติเท่านั้น บริษัทมิได้ขาดทุน บริษัทมีหลักทรัพย์เกินจำนวนทุน จึงไม่จำต้องเรียกเงินทุนจากค่าหุ้นที่ชำระ ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องเรียกเก็บเต็มจำนวน การที่เรียกเก็บค่าหุ้นเวลานี้ไม่ได้ เป็นความผิดของโจทก์เองข้อที่ว่าคณะกรรมการยอมให้บุคคลยืมเงินไปโดยมิได้มีหลักประกันหรือหลักฐานอันจะมีผลให้บังคับคดีได้ตามกฎหมาย การไม่ติดตามทวงถามเบี้ยประกันที่ค้างอยู่ที่ตัวแทนบริษัท การที่เงินสูญหายไปโดยไม่มีหลักฐานการใช้จ่าย การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เหล่านี้ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจและความรับผิดชอบของกรรมการผู้จัดการ เงินลงทุนในบริษัทบูรพาประกันภัยจำกัด เวลานั้นบริษัทดังกล่าวมีฐานะดี กิจการกำลังเจริญ จำเลยไม่ได้ออกความเห็นหรือสั่งการเป็นมติของที่ประชุมกรรมการ สมุดบัญชีของบริษัทไม่ได้สูญหาย เงินทุนประกันชีวิตที่กันไว้ไม่ได้สูญหาย แก่ให้กู้ยืมไป ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และคดีโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ และที่ ๑๑ ขาดยัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ ให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พลเรือโทหลวงอาจณรงค์มิใช่ผู้กระทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท กรณีไม่เข้าด้วยมาตรา ๑๑๖๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฯลฯ
จำเลยที่ ๖ ให้การว่า กรรมการบริษัทมิได้ประมาทเลินเล่อ ฯลฯ
จำเลยที่ ๗,๘ และ ๙ ให้การว่า ทรัพย์สินในกองมรดกของนายปิ่นถูกนำไปชำระหนี้จนหมดแล้ว ไม่มีทายาทผู้ใดได้รับทรัพย์สินจากกองมรดกเลย จำเลยไม่ต้องรับผิด ฯลฯ
จำเลยที่ ๑๐ ให้การว่า จำเลยไม่ได้กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯลฯ
จำเลยที่ ๑๒ ให้การว่า การดำเนินกิจการต่าง ๆ ของบริษัทอยู่ในอำนาจของกรรมการผู้จัดการ กรรมการอื่น ๆ เป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษา กรรมการอื่น ๆ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างวิญญูชนพึงกระทำ มิได้มีความประมาทเลินเล่อ ฯลฯ
จำเลยที่ ๑๓ ให้การว่า กรรมการบริษัทที่มีอำนาจดำเนินการและสั่งการในบริษัทมีจำเลยที่ ๒ แต่เพียงผู้เดียว จำเลยจึงไม่ใช่ผู้กระทำหรือร่วมกระทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และกรณีไม่เข้าด้วยมาตรา ๑๑๖๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้รับผิด ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน ๕๑,๐๗๗,๕๙๕.๗๔ บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ สำหรับจำเลยอื่น ๆ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑,๑๑ และ ๑๒ ร่วมรับผิดในความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นกับจำเลยที่ ๒ ด้วย ส่วนจำเลยที่ ๑๐ กับที่ ๑๓ ให้ร่วมรับผิดในความเสียหายกับจำเลยอื่นเพียง ๑ ใน ๕ ส่วน คิดเป็นเงิน ๑๐,๒๑๕,๕๑๙.๑๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑,๑๐,๑๑,๑๒ และ ๑๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๑๔ บัญญัติว่า “บรรดาบริษัทจำกัด ให้มีกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนด้วยกัน จัดการตามข้อบังคับของบริษัท และอยู่ในความครอบงำของที่ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นทั้งปวง” มาตรา ๑๑๖๔ บัญญัติว่า “กรรมการจะมอบอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดของตนให้แก่ผู้จัดการหรือให้แก่อนุกรรมการซึ่งตั้งขึ้นจากผู้ที่เป็นกรรมการด้วยกันก็ได้ ในการใช้อำนาจซึ่งได้มอบหมายเช่นนั้น ผู้จัดการทุกคนหรืออนุกรรมการทุกคนต้องทำตามคำสั่งข้อบังคับซึ่งกรรมการทั้งหลายได้กำหนดให้ทุกประการ” และมาตรา ๑๑๖๘ บัญญัติว่า “ในอันที่จะประกอบกิจการของบริษัทนั้น กรรมการต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง ว่าโดยเฉพาะกรรมการต้องรับผิดชอบร่วมกันในประการต่าง ๆ ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (๑) การใช้เงินค่าหุ้นนั้นได้ใช้กันจริง (๒) จัดให้มีและรักษาไว้ให้เรียบร้อยซึ่งบรรดาสมุดบัญชีและเอกสารที่กฎหมายกำหนดไว้ (๓) การแจกปันผลหรือดอกเบี้ยให้เป็นไปโดยถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ (๔) บังคับการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามมติของที่ประชุมใหญ่ ฯลฯ” ดังนี้ เห็นได้ว่า เนื่องจากเหตุที่บริษัทเป็นนิติบุคคล จึงจำต้องมีกรรมการของบริษัทดำเนินกิจการภายในขอบเขตวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทแทนบริษัท หากไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดหรืออนุกรรมการใดจัดการบริษัท กรรมการบริษัททั้งคณะก็จะต้องจัดการประกอบกิจการของบริษัทเอง ถ้ามอบอำนาจให้ผู้จัดการหรืออนุกรรมการอื่น ผู้จัดการหรืออนุกรรมการนั้นจะต้องทำตามคำสั่งหรือข้อบังคับซึ่งกรรมการผู้จัดการที่ได้รับมอบอำนาจให้จัดการจะต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลผู้ค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง และปกติกรรมการของบริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวเว้นแต่กรณีตามมาตรา ๑๑๖๘(๑) ถึง (๔) ซึ่งกรรมการบริษัททั้งหมดจะต้องรับผิดร่วมกัน คดีนี้ แม้จะปรากฏตามข้อบังคับตามบริษัทผู้ล้มละลาย ข้อ ๑๓ ว่า “คณะกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบจัดการทั้งปวงของบริษัท ฯลฯ ” แต่ก็มีข้อบังคับของบริษัทผู้ล้มละลายข้อ ๑๕ ระบุว่า “บริษัทนี้ให้มีผู้จัดการ ๑ นาย โดยคณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอน ฯลฯ” และข้อ ๑๖ ระบุว่า “ผู้จัดการเป็นผู้รับผิดชอบจัดธุรกิจทั้งปวงของบริษัทตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการ” และตามคำขอจดทะเบียนบริษัทผู้ล้มละลาย ข้อ ๘ และ ข้อ ๙ ก็ระบุให้อำนาจจำเลยที่ ๒ กรรมการผู้อำนวยการแต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการบริษัทได้โดยลำพัง และมีอำนาจในการลงนามแทนบริษัท แต่ต้องประทับตราบริษัทเป็นสำคัญ เว้นแต่การจ่ายเงินเกินกว่าห้าหมื่นบาทขึ้นไป จะต้องมีกรรมการอีกนายหนึ่งลงชื่อร่วมด้วย และได้ตามความคำเบิกความของนายบำรุง ดิษพันธ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลาย และนางสาวนิภา โกมลวัฒนะ ผู้ตรวจสมุดบัญชีเอกสารของบริษัทผู้ล้มละลายพยานโจทก์ว่า ตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ บริษัทผู้ล้มละลายไม่มีกรรมการผู้จัดการ มีแต่จำเลยที่ ๒ กรรมการผู้อำนวยการผู้เดียวเป็นผู้สั่งการและอำนวยการบริษัท รวมทั้งมีอำนาจเบิกจ่ายเงิน อนุมัติการสั่งจ่าย ประธานกรรมการและกรรมการอื่นไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัดการบริษัทและ ไม่มีอำนาจในการสั่งจ่ายเงินด้วย ดังนี้ ฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ กรรมการผู้อำนวยการนี้ก็คือ ผู้จัดการที่ได้รับมอบอำนาจตามความในมาตรา ๑๑๖๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นเอง ส่วนจำเลยอื่นซึ่งเป็น กรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ผู้จัดการ ไม่มีหน้าที่จัดธุรกิจของบริษัท คงเป็นแต่ผู้แทนของบริษัทในฐานะที่บริษัทเป็นนิติบุคคล และมีหน้าที่ให้คำปรึกษาในการประชุมกรรมการแก่จำเลยที่ ๒ เท่านั้น สำหรับการประกอบกิจการของบริษัทผู้ล้มละลายนั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติเป็นว่า กรรมการบริษัทได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้บริษัทล้มละลายเสียหายอยู่ ๕ ประการ คือ (๑) ไม่เรียกเก็บเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระ (๒) ให้ยืมเงินไปโดยไม่มีหลักฐานการกู้ยืมและหลักประกัน (๓) ปล่อยให้เบี้ยประกันค้างที่ตัวแทนโดยไม่ติดตามทวงถาม (๔) เงินสดในความครอบครองสูญหายไปสองแสนบาทเศษ (๕) ทุนประกันชีวิตที่กันไว้เป็นทุนสำรองสูญหายไปสี่สิบล้านบาทเศษ ศาลฎีกาเห็นว่าควรกระทำดังกล่าวข้างต้นได้ความว่า เป็นการจัดธุรกิจของบริษัทซึ่งอยู่ในความรับผิดของจำเลยที่ ๒ผู้ประกอบกิจการทั้งสิ้น จำเลยอื่นที่ไม่ใช่ผู้จัดการมิได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ทั้งการกระทำดังกล่าว มิได้อยู่ในข้อหนึ่งข้อใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๖๘ ซึ่งกรรมการของบริษัทจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน จำเลยอื่นซึ่งเป็นกรรมการที่ไม่ใช่ผู้จัดการก็ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วยและแม้จะได้ความตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าบริษัทผู้ล้มละลายขาดทุนตลอดมาทุกปี ทั้งเมื่อบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการก็ไม่เคยเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการขาดทุนนั้น ก็ปรากฏตามบัญชีงบดุลประจำปีของบริษัทว่าบัญชีดังกล่าวได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นได้มีมติให้จัดการอย่างใด แล้วกรรมการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม การที่กรรมการละเลยไม่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นนั้น เป็นข้อที่น่าตำหนิ แต่ก็มิใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้บริษัทผู้ล้มละลายเสียหายดังกล่าวข้างต้น จะฟังว่าจำเลยอื่นซึ่งไม่ใช่ กรรมการผู้จัดการทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทยังไม่ถนัด
พิพากษาแก้ เป็นให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น