แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคหนึ่งจำกัดความในวรรคสองให้แน่นแฟ้นขึ้น กล่าวคือที่ที่อยู่ในวงล้อมนั้นแม้ว่าจะมีทางอื่นออกได้อยู่ก่อนแล้ว แต่ออกหรือผ่านไปได้ลำบากมากเพราะมีสภาพเป็น สระ บึงทะเลฯ ก็ยังให้เจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมมีสิทธิผ่านที่ดินแปลงอื่นที่ล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้ ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 1349 วรรคสอง แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่าไม่มีทางอื่นจะออกได้อยู่ก่อนเลยจึงไม่อยู่ในบังคับตามความในวรรคสอง ไม่มีเหตุจะต้องพิเคราะห์ถึงสภาพของการเป็นหรือไม่เป็น สระ บึง ทะเลฯ
ย่อยาว
คดีนี้ปรากฏว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินของผู้อื่นล้อมรอบและอยู่ตอนใน ด้านใต้ต่อกับที่ดินของจำเลย เดิมที่ดินของโจทก์กับจำเลยเป็นแปลงเดียวกัน โจทก์และบริวารเคยเดินผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ที่สาธารณะ ต่อมาจำเลยกั้นรั้วปิดทางดังกล่าวเสีย โจทก์จึงฟ้องขอให้เปิด
จำเลยต่อสู้ว่ามีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเดิน
ศาลทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า ที่ของโจทก์อยู่ในวงล้อมเคยใช้ทางในที่ดินของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะ ไม่มีทางอื่นจะออกได้ ชี้ขาดให้จำเลยเปิดทางรายพิพาท
จำเลยฎีกาแต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย อ้าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคสอง ซึ่งจะถือว่าไม่มีทางอื่นออกได้ก็ต่อเมื่อต้องข้าม สระ บึง ทะเล หรือที่สูงชัน แต่ที่ล้อมซึ่งเป็นของคนอื่นนั้นเพียงแต่เป็นคูหรือท้องร่องสวน อาจใช้ไม้ทอดข้ามได้ ไม่มีสภาพเป็น สระ บึง ฯ จะปรับเอาว่าไม่มีทางอื่นออกหาได้ไม่
ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหากฎหมายข้อนี้ จำเลยมิได้โต้เถียงมาแต่ต้นแต่เห็นสมควรอธิบายเสียด้วย
เห็นว่าความในวรรค 2 จำกัดความในวรรค 1 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ให้แน่นแฟ้นขึ้น กล่าวคือที่ที่อยู่ในวงล้อมนั้น แม้ว่าจะมีทางอื่นออกได้อยู่ก่อนแล้ว แต่ออกหรือผ่านไปได้ลำบากมากเพราะมีสภาพเป็น สระ บึง ทะเล ฯ ก็ยังให้เจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมมีสิทธิผ่านที่ดินแปลงอื่นที่ล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1349 วรรคหนึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่มีทางอื่นจะออกไปอยู่ก่อนเลย จึงไม่มีเหตุจะต้องพิเคราะห์ถึงสภาพของการเป็นหรือไม่เป็น สระ บึง ทะเล ฯ พิพากษายืน