คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ยางที่ขึ้นในที่ดินของจำเลย จำเลยได้ตัดฟันก่อนใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ย่อมไม่เป็นความผิด และการมีไม้แปรรูปนั้น ต่อมาภายหลังเมื่อประกาศใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2503 แล้วไม้แปรรูปนั้นย่อมไม่กลายเป็นไม้หวงห้าม จำเลยมีไว้ไม่ต้องขออนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๐๔ เวลากลางวัน จำเลยได้มีไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.ซึ่งแปรรูปเป็นไม้เหลี่ยมแล้ว จำนวน ๑ เหลี่ยม เนื้อไม้ .๔๔ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๙ มาตรา ๔๗,๔๘,๗๓,๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๑๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗,๑๘ ฯลฯและขอให้ศาลสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การว่า จำเลยขอรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ไม้นี้จำเลยได้โค่นมาประมาณ ๘-๙ ปีแล้ว ไม้ที่ถูกจับเป็นไม้เหลือใช้ที่จำเลยมีมานานแล้ว ไม้ยางที่โค่นนี้เป็นไม้ที่อยู่ในบริเวณบ้านของจำเลย
โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง ลดรับสารภาพคงจำคุก ๓ เดือน และให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปีของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวและให้รอการลงโทษจำเลยยังไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๗ ซึ่งบัญญัติให้ลงโทษทั้งจำทั้งปรับ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว คงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันมาว่าเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๐๔ เวลากลางวัน จำเลยได้มีไม้ยางซึ่งแปรรูปเป็นไม้เหลี่ยแล้ว จำนวน ๑ เหลี่ยม ยาว ๓.๓๐ เมตร กว้าง .๔๐ เมตร คิดเนื้อไม้ .๔๔ ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครอง โดยไม้นี้เป็นไม้ขึ้นในที่ดินของจำเลย จำเลยโค่นมา ๘-๙ ปีแล้ว ซึ่งเป็นไม้เหลือใช้ เก็บเอาไว้ในบ้านจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม้ยางรายนี้เป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ในที่ดินของจำเลยและจำเลยได้ตัดฟันมา ๘-๙ ปีแล้ว ซึ่งเป็นเวลาก่อนพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๑ ใช้บังคับการตัดฟันไม้ของจำเลยดังกล่าวย่อมไม้เป็นความผิด และตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็ไม่ได้กล่าวถึงว่าให้มีผลย้อนหลัง ฉะนั้น จะใช้กฎหมายฉบับใหม่ให้มีผลย้อนหลังเป็นการลงโทษบุคคลในทางอาญาย่อมจะกระทำมิได้ และการมีไมนั้นต่อมาภายหลังเมื่อประกาศใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ แล้ว ไม้นั้นก็ย่อมไม่กลายเป็นไม้หวงห้าม ผู้ใดมีไว้ย่อมไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และผู้มีไม้นั้นไว้ในครอบครองก็ไม่มีความผิดด้วย เทียบตามนัยคำพิพากษา +ฎีกาที่ ๗๙๔/๒๔๙๖ ฎีกาที่ ๒๒๔/๒๔๙๗ และฎีกาที่ ๒๒๖/๒๔๙๗ ฉะนั้น ตามรูปคดีในเรื่อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยขอฎีกาของโจทก์
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ไม้ของกลางคืนจำเลย

Share