คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เช่าที่ดิน 112 ตารางวาจากเจ้าของที่ดิน จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินบางส่วน จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุก ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านนี้จำเลยขอเช่าจากเจ้าของ ๆ ให้จำเลยเข้าอยู่แล้ว จำเลยขอให้เรียกเจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย เจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและขอถือเอาคำให้การของจำเลยกับขอให้การเพิ่มเติมว่าโจทก์เช่าเพียง 51 ตารางวาเท่านั้น การที่โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิในการเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วมเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้น จะต้องฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ เอกสารการเช่ารายนี้ คือ สัญญาหมาย 8 โจทก์ว่า ไม่ใช่สัญญาเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วม ซึ่งจำเลยและจำเลยร่วมยืนยันว่าใช่ ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าสัญญาเช่าหมาย 8 นี้เป็นสัญญาที่แท้จริง และใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าโจทก์ทำไว้จริงและใช้ได้แล้ว ก็ต้องฟังว่าโจทก์เช่า 51 ตารางวา ตามที่ปรากฏในสัญญา โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารว่าความจริงโจทก์เช่า 112 ตารางวาย่อมไม่ได้ แต่โจทก์มีสิทธินำสืบได้ว่า สัญญานี้ปลอมหรือไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้เช่าที่ดินเนื้อที่ประมาณ ๑๑๒ ตารางวาเศษของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จำเลยทั้งสองกับบริวารได้บุกรุกเข้ามาปลูกบ้านในตอนใต้เป็นเนื้อที่ ๔๕ ตารางเมตร กับ ๒๐ ตารางเมตร ขอให้ขับไล่ออกไปจากที่เช่าของโจทก์
จำเลยให้การต่อสู้อย่างเดียวกันว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่นี้เป็นของสำนักงานทรัพย์สิน ฯ และจำเลยได้ขอเช่า สำนักงานทรัพย์สิน ฯ ให้จำเลยเข้าอยู่อาศัยได้ แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกสำนักงานทรัพย์สิน ฯ เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
สำนักงานทรัพย์สิน ฯ จำเลยร่วมขอถือเอาคำให้การของจำเลยเป็นคำให้การของจำเลยร่วม และขอเพิ่มเติมคำให้การว่า จำเลยร่วมไม่เคยให้โจทก์เช่าที่ดินมีเนื้อที่ ๑๑๒ ตารางวา โจทก์เช่า ๕๑ ตารางวา นายส่วนจำเลยเช่า ๒๔.๙๙ ตารางวา นางประจวบจำเลยเช่า ๓๑ ตารางวา
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากสถานที่เช่าของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิในการเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วม ซึ่งตามมาตรา ๕๓๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ เอกสารเป็นหนังสือในการเช่ารายนี้ คือ สัญญาเช่าหมาย ๘ ที่จำเลยร่วมได้ส่งต่อศาลตามที่โจทก์ขออ้างและขอให้เรียกมา โจทก์ว่าเอกสารนี้ไม่ใช่สัญญาเช่าที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลยร่วม ซึ่งจำเลยและจำเลยร่วมยืนยันว่าเอกสารนี้ คือสัญญาเช่าที่โจทก์ได้ทำไว้ ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า สัญญาเช่าหมาย ๘ นี้ เป็นสัญญาเช้าที่แท้จริงและใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าโจทก์ทำไว้จริงและใช้ได้แล้ว ก็ต้องฟังว่าโจทก์ได้เช่าที่ดินจากจำเลยร่วมเพียง ๕๑ ตารางวาเท่าที่ปรากฏชัดเจนอยู่ในสัญญาเช่านั้น โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาเช่านั้นว่าความจริงโจทก์เช่าเป็นเนื้อที่ ๑๑๒ ตารางวาย่อมไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ (ข) แต่ตามวรรคท้ายของมาตรานี้โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะสืบได้ว่าสัญญาเช่าหมาย ๘ นี้ เป็นสัญญาปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
เมื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงด้วยแล้ว พิพากษายืน

Share