แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่ถือว่าโจทก์ได้ชี้ช่องให้จำเลยได้เข้าทำสัญญาปลูกสร้างตึกแถวสำเร็จโดยหวังค่านายหน้า
กรณีที่แสดงว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยในเรื่องนายหน้ายังมีอยู่
เมื่อกิจการสำเร็จ เพราะโจทก์ซึ่งเป็นนายหน้าแล้ว จำเลย (คู่สัญญา) ต้องจ่ายค่านายหน้าตามข้อตกลง การที่จำเลยต้องเสียค่านายหน้าแก่ผู้อื่นอีกนั้นไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องเอาค่านายหน้าจากจำเลย.
ย่อยาว
คดีได้ความว่า โจทก์ซึ่งมีอาชีพเป็นนายหน้าเคยหาที่ดินให้จำเลยซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างเช่าสร้างตึก โจทก์บอกว่ามีที่ดินจะให้เช่าปลูกตึกและบอกเงื่อนไข กับหลักการพร้อมกับให้จำเลยดูแบบแปลนซึ่งเจ้าของที่ไปให้ดู จำเลยถามว่า จะเอาค่านายหน้าเท่าใด โจทก์ขอห้องละ ๑,๐๐๐ บาท ตามแบบแปลนมี ๔๑ ห้อง ต่อมาโจทก์กับสามี (ทนายโจทก์) พาจำเลยไปดูที่ก่อสร้างแล้วจำเลยขอแบบแปลนไว้คิดคำนวณค่าก่อสร้างสัก ๓ – ๔ วัน ครบกำหนด โจทก์กับสามี และ คนขับรถไปหาจำเลย จำเลยลดค่านายหน้าขอให้เป็น ๓๐,๐๐๐ บาท และขอให้สามีโจทก์ ร่างสัญญาให้ด้วย จำเลยจะจ่ายค่านายหน้าในวันทำสัญญากับเจ้าของที่ โจทก์ตกลง แล้วนำร่างสัญญาไปให้จำเลยและ นายมูนาดำปี เจ้าของที่ดูแก้ไขกันแล้ว โจทก์จึงพาจำเลยไปพบ นายมูนาดำปี เมื่อ เดือนพฤษภาคม ๒๔๙๗ แล้วนัดเซ็นสัญญากัน วันที่ ๕ เดือนหน้า ให้จำเลยเตรียมเงินสดมาวางประกัน ๕๐,๐๐๐ บาท ถึงกำหนดโจทก์จำเลย ไปที่ร้าน นายมูนาดำปี จำเลยไม่มีเงินสดวางประกัน ขอเซ็นเช็คล่วงหน้า นายมูนาดำปี ไม่ยอม จำเลยขอผัดไปวันที่ ๑๒ นายมูนาดำปี ว่าจะต้องไปเมืองนอก จำเลยว่ารอกลับจึงค่อยเซ็นสัญญา ต่อเมื่อเดือน
พฤษภาคม ๒๔๙๘ ขุนประมวลฯ บอกโจทก์ว่า จำเลยกำลังก่อสร้างในที่โจทก์ จึงไปขอค่านายหน้า จำเลยว่าเสียทางโน้นมากแล้วแต่จะให้บ้าง โจทก์ว่าต้องให้เต็ม จำเลยไม่ยอม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องจัดการให้จำเลยได้ทำสัญญาตั้งแต่ต้นตลอดมา พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่านายหน้า ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่ง ต่อปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้ชักนำจำเลยเข้าทำสัญญาปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของ นายมูนาดำปี ที่ไม่ตกลงเซ็นสัญญากันในวัน (นัด) เซ็นสัญญาก็โดยความผิดของจำเลยที่ไม่มีเงินสดมาวางตามสัญญา
ข้อที่จำเลยคัดค้านว่าโจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลย แสดงว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย ได้เลิกกันไปแล้วนั้น ปรากฏว่าโจทก์และ ขุนประมวล ฯ ไปถามข่าว นายมารีกัน หลายครั้ง นายมาริกันยังไม่กลับจากนอก ครั้น เดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๘ ขุนประมวล ฯ เห็นจำเลยยกป้ายสร้างสึกไปบอกโจทก์ ๆ ก็ไปถาม นายมาริกัน ทราบว่าเซ็นสัญญากัน ๒ เดือนแล้ว ข้อว่าโจทก์มอบแปลนคืนให้ นายมาริกันไปได้ความว่า นายมาริกันทวงคืนโจทก์จึงให้ไป แสดงว่าโจทก์ยังไม่ละทิ้งในเรื่องค่านายหน้าโดยหวังว่าเมื่อ นายมาริกัน กลับจะได้เซ็นสัญญากัน เมื่อจำเลยมีเงินสดวามตามข้อตกลง
ข้อที่ว่าถ้านิติสัมพันธ์ยังมีอยู่ระหว่างโจทก์จำเลย เหตุไรจำเลยจึงจะให้ นายบุญเกิด เป็นนายหน้าอีกซึ่งจำเลยจะต้องเสียค่านายหน้าถึงสองครั้งนั้น การที่จำเลยให้ค่านายหน้าแก่ นายบุญเกิด ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิ์ ของโจทก์ที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลย
พฤติการณ์ฟังได้ว่า โจทก์ได้ชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญาปลูกสร้างตึกแถวโดยวังประโยชน์ในค่านายหน้าเป็นการตอบแทน นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยยังคงมีอยู่เรื่องจำนวนค่านายหน้านั้นฟังได้ว่าจำเลยได้ตกลงให้แก่โจทก์ ๓๐,๐๐๐ บาทจริง
พิพากษายืน.