คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยว่า จำเลยเป็นทนายเขียนคำแก้อุทธรณ์เสียดสีใส่ความโจทก์ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานอัยการให้เสียชื่อเสียง เมื่อศาลฟังว่าข้อความที่จำเลยเขียนเป็นเรื่องในฟ้องและเกี่ยวกับประเด็นแล้ว จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 285

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นทนายความรับว่าความแก้ต่างจำเลยในคดีอาญาแดงที่ 239/2499 ระหว่างอัยการจังหวัดอุบลราชธานีโจทก์นายไพบูลย์จำเลย ในข้อหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องและโจทก์อุทธรณ์ จำเลยนี้ได้บังอาจเรียงข้อความแก้อุทธรณ์ มีข้อความบางตอนเป็นการกล่าวหมิ่นประมาทใส่ความพนักงานอัยการโจทก์ซึ่งมีนายเทอด รังษิธรรม และ นายวิชัย วานิช ว่า โจทก์พยายามพิสูจน์ว่าเงินที่ขาดหาย 170,842.15 บาทที่ตรวจพบว่าขาดหายจากบัญชีนายคำผู้จัดการไม่มีส่วนรับผิด แต่ผู้ตรวจบัญชีก็ดี สหกรณ์จังหวัดก็ดีเบิกความว่า นายคำผู้จัดการไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นนายคำต้องรับผิด การที่โจทก์ไม่ฟ้องนายคำเท่ากับโจทก์ประสงค์จะล้างมลทินให้นายคำ โดยมาปรักปรำจำเลยโดยไร้เหตุผล

และอีกตอนหนึ่ง (ซ) ว่า ที่โจทก์ไม่ฟ้องนายคำปล่อยให้ลอยนวลมาฟ้องจำเลย หากจำเลยจะเข้าใจว่าโจทก์มีเจตนาป้ายความผิดให้จำเลยเพื่อช่วยนายคำเพื่อมิให้ต้องรับโทษและใช้เงินแก่สหกรณ์ ก็จะเป็นการกลั่นแกล้งกล่าวให้เป็นราคีแก่โจทก์ไป

ถ้อยคำที่จำเลยบรรยายผ่านการตรวจของพนักงานและผู้พิพากษาหลายคน เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ อาจทำให้โจทก์คือนายเทอดและนายวิชัยเสียหายได้ จึงฟ้องขอให้ศาลลงโทษ

จำเลยมิได้ยื่นคำให้การ วันพิจารณาจำเลยแถลงรับว่าจำเลยเป็นผู้เรียงคำแก้อุทธรณ์จริง แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเข้ากฎหมายลักษณะอาญามาตรา 285 ไม่เป็นผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้พิเคราะห์ข้อความในคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่มีตอนใดนอกฟ้องนอกประเด็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเด็นทั้งสิ้น จึงเป็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำในการพิจารณาคดีในโรงศาลตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 285 ย่อมไม่มีผิด จึงพิพากษายืน

Share