แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยเป็นทนายเขียนคำแก้อุทธรณ์เสียดสีใส่ความโจทก์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานอัยการให้เสียชื่อเสียง เมื่อศาลฟังว่าข้อความที่จำเลย เขียนเป็นเรื่องในฟ้องและเกี่ยวกับประเด็นแล้ว จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษตาม ก.ม. ลักษณะอาญา มาตรา 285
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นทนายความรับว่าความแก้ต่างจำเลยในคดีอาญาแดงที่ ๒๓๙/๒๔๙๙ ระหว่าง อัยการจังหวัดอุบลราชธานีโจทก์ นายไพบูลย์ จำเลย ในข้อหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง และโจทก์อุทธรณ์ จำเลยนี้ได้ บังอาจเรียงข้อความแก้อุทธรณ์ มีข้อความบางตอนเป็นการกล่าวหมิ่นประมาทใส่ความพนักงานอัยการโจทก์ ซึ่งมี นายเทอด รังษิธรรม และ นายวิชัย วานิช ว่าโจทก์พยายามพิศูจน์ว่าเงินที่ขาดหาย ๑๗๐,๘๔๒.๑๕ บาท ที่ตรวจพบว่าขาดหายจากบัญชี นายคำ ผู้จัดการไม่มีส่วนรับผิด แต่ผู้ตรวจบัญชีก็ดี สหกรณ์จังหวัดก็ดี เบิกความว่า นายคำ ผู้จัดการไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น นายคำต้องรับผิด การที่โจทก์ไม่ฟ้อง นายคำ เท่ากับโจทก์ประสงค์จะล้างมลทินให้ นายคำ โดยมาปรักปรำจำเลยโดยไร้เหตุผล
และอีกตอนหนึ่ง (ช) ว่า ที่โจทก์ไม่ฟ้องนายคำปล่อยให้ลอยนวล มาฟ้องจำเลย หากจำเลยจะเข้าใจว่าโจทก์มีเจตนาป้ายความผิดให้จำเลยเพื่อช่วย นายคำ เพื่อมิให้ต้องรับโทษและใช้เงินแก่สหกรณ์ ก็จะเป็นการกลั่นแกล้งกล่าวให้เป็นราคีแก่โจทก์ไป
ถ้อยคำที่จำเลยบรรยายผ่านการตรวจของพนักงานและผู้พิพากษาหลายคน เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ อาจทำให้โจทก์คือ นายเทอด และ นายวิชัย เสียหายได้ จึงฟ้องขอให้ศาลลงโทษ
จำเลยมิได้ยื่นคำให้การ วันพิจารณาจำเลยแถลงรับว่าจำเลยเป็นผู้เรียงคำแก้อุทธรณ์จริง แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเข้ากฎหมายลักษณะอาญา ม.๒๘๕ ไม่เป็นผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้พิเคราะห์ข้อความในคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยแล้ว เห็นว่าไม่มีตอนใดนอกฟ้องนอกประเด็น เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเด็นทั้งสิ้น จึงเป็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำในการพิจารณาคดี ในโรงศาลตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๘๕ ย่อมไม่ผิด จึงพิพากษายืน.