คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฉุดคร่าพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร โดยมีพวกของจำเลยคอยคุ้มกันขัดขวางไม่ให้ใครเข้าช่วยหญิงนั้น และพวกของจำเลยได้ใช้ปืนยิงพยายามฆ่าน้องสาวและบิดาของหญิงนั้นซึ่งเข้ามาขัดขวางถือว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เข้าขัดขวางนั้นด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก ๔ คน ได้บังอาจร่วมกันฉุดคร่านางสาวอุยซิมไปเพื่อการอนาจาร โดยจำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายและใช้อาวุธปืนยิงนางสาวเซี่ยมง้อ นางเฉ่งริ้ว ซึ่งเข้าไปช่วยเหลือนางสาวอุยซิมหลายนัดโดยเจตนาฆ่าแต่เพราะจำเลยกับพวกยิงปืนไม่แม่น กระสุนปืนจึงพลาดไม่ถูกนางสาวเซี่ยมง้อ และถูกนายเฉ่งริ้วในที่ไม่สำคัญ บุคคลทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย นอกจากนี้จำเลยกับพวกยังได้เตะนางสาวเซี่ยมง้อด้วย เพื่อปกปิดและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญานอกจากนี้จำเลยกับพวกยังได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของนางสาวอุยซิมด้วยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐,๓๓๙, ๘๓ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๘๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปจนเหลือพนักงานสอบสวนอีกเพียงปากเดียว จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพในข้อหาพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร ส่วนข้อหาชิงทรัพย์และพยายามฆ่า คงปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ จำคุก ๓ ปี กับมาตรา ๒๘๙, ๘๐ จำคุก๑๖ ปี ลดโทษในข้อหาพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา ๗๘ ให้หนึ่งในสามเหลือจำคุก ๒ ปี รวมเป็นจำคุกจำเลย ๑๘ ปี ข้อหาฐานชิงทรัพย์ให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารในสถานเบาและยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยนำสืบว่าคนที่ใช้ปืนยิงเป็นชาย ๓ คนที่ออกมาจากบ้านที่จำเลยไปพัก ซึ่งจำเลยไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่ใช่พวกของจำเลยที่ร่วมกันฉุดนางสาวอุยซิม แต่โจทก์มีประจักษ์พยานคือนางสาวอุยซิมนางสาวเซี่ยมง้อเบิกความยืนยันว่าจำเลยกับพวกรวม ๕ คนอยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ร่วมกันฉุดพานางสาวอุยซิมและขัดขวางไม่ให้นางสาวเซี่ยมง้อ นายเฉ่งริ้วบิดาเข้ามาช่วยเหลือ โดยใช้อาวุธปืนยิง หาใช่เป็นคนอื่นที่จำเลยไม่เคยรู้จักไม่เพราะได้ออกมายืนที่ปากตรอกทางเข้าบ้านแห่งเดียวกันในขณะแรกพบนางสาวอุยซิมในชั้นสอบสวน จำเลยก็ให้การรับว่าได้มีความรักใคร่นางสาวอุยซิมมาก่อน จึงหาโอกาสร่วมกับพรรคพวกทำการฉุดคร่านางสาวอุยซิมเอาไปเป็นภรรยาและพวกของจำเลยเองเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายเฉ่งริ้ว การที่จำเลยเป็นคนลงมือฉุดคร่าพานางสาวอุยซิมไปมีพรรคพวกคอยคุ้มกันขัดขวางไม่ให้ใครเข้ามาช่วยนางสาวอุยซิม และใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่จะเข้ามาขัดขวางนั้น จึงถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดนั้นด้วย
พิพากษายืน

Share