คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยล่อเด็กหญิงเข้ามาหาแล้วคว้าตัวกอดรัดอุ้มกอดไว้ที่อกแล้วพาอุ้มเข้าป่าโดยจำเลยมีเจตนาทำอนาจารแก่หญิง แม้แต่เพียงการกอดรัดสัมผัสด้วยเจตนาอนาจารก็เป็นอนาจาร การกระทำซึ่งประกอบด้วยกายและใจพร้อมโดยประสงค์มุ่งตรงต่อสิ่งที่ กฎหมายห้ามก็ย่อมเป็นความผิด รูปเรื่องของคดีนี้ควรใช้บทมาตรา 276 แต่คดีนี้โจทก์มิได้อ้าง มาตรา 276 หากแต่อ้าง มาตรา 245 จำเลยจึงมีความผิดตาม มาตรา 245 ที่โจทก์ขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำอนาจารแก่เด็ก อายุต่ำกว่า 13 ขวบขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 245 พระราชบัญญัติแก้ไข พ.ศ. 2474มาตรา 4 ริบไม้ของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธความผิด

ศาลจังหวัดอุทัยธานีพิจารณาแล้วฟังว่าจำเลยอุ้มผู้เสียหายไปอย่างพ่อแม่อุ้มบุตร มิได้ทำอะไรนอกเหนือไปกว่านี้ พฤติการณ์ส่อว่าจำเลยน่าจะมีเจตนากระทำผิดอย่างอื่นมากกว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดดังฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 245 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ส่วนคำขอให้ริบไม้ของกลางให้ยกเสีย เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยใช้ในการกระทำผิดอย่างใดด้วย

แต่ผู้พิพากษาอีก 2 นายมีความเห็นแย้งว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นอนาจาร ไม่ควรมีความผิดดังโจทก์ฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกา ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีเรื่องนี้แล้วได้พิเคราะห์คำพยานและเหตุผลแห่งคดีแล้วเห็นว่ารูปเรื่องของคดีนี้ควรใช้บทมาตรา 276 ฐานบังอาจพาหญิงไป เพื่อการอนาจารโดยมันฉุดคร่าพาไปด้วยกำลัง ฯลฯ ซึ่งแม้แต่เพียงจับข้อมือยื้อยุดฉุดกระชากพาไปไม่ต้องถึงแก่กอดรัดพาอุ้มไปก็เป็นความผิดตามมาตรานี้แล้ว แต่คดีนี้โจทก์มิได้อ้างมาตรา 276 หากแต่อ้างมาตรา 245 ฐานทำอนาจารแก่เด็กจึงมีการเพ่งเล็งถึงการกระทำของจำเลยว่าได้กระทำอนาจารแก่เด็กประการใดบ้างหรือไม่

กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลย จำเลยล่อเด็กหญิงเข้ามาหาแล้วคว้าตัวกอดรัดอุ้มกอดไว้ที่อกแล้วพาวิ่งเข้าป่าทั้ง ๆ ที่เป็นคนไม่เคยรู้จักกัน เด็กร้องจำเลยก็ไม่ปล่อย เด็กร้องให้คนช่วยเรื่อยไป ชาวบ้านพากันมาจำเลยจึงทิ้งเด็กแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไล่ตามจับกันเป็นการใหญ่ จนผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยลูกบ้านล้อมจับตัวจำเลยได้ จำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าได้กอดรัดและอุ้มพาเด็กหญิงผู้นี้ไปเพื่อกระทำชำเรากับนายเฉลิม ซึ่งสมกับกริยาอาการที่จำเลยได้แสดงออกตั้งแต่ต้นจนถูกจับ จำเลยมีพิรุธ ให้เห็นการไม่สุจริตเป็นอันมาก

เมื่อประกอบกับเหตุผลทั้งหลายแล้ว ศาลฎีกาไม่สงสัยเลยว่าจำเลยจะมิได้ตั้งใจทำอนาจารแก่เด็กหญิงผู้นี้ เมื่อจำเลยมีเจตนาทำอนาจารแก่หญิงแม้แต่เพียงการกอดรัดสัมผัสด้วยเจตนาอนาจารก็เป็นอนาจาร การกระทำซึ่งประกอบด้วยกายและใจพร้อมกันโดยประสงค์มุ่งตรงต่อสิ่งที่กฎหมายห้ามก็ย่อมเป็นความผิด ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรสำหรับในคดีนี้ที่จะฟังว่าจำเลยกอดรัดอุ้มเด็กพาไปอย่างเช่นบิดามารดาอุ้มบุตร ความข้อนี้เป็นคำกล่าวนอกออกไปจากความนึกฝันของตัวจำเลยเพราะจำเลยมิได้ให้การเช่นนั้นเลย ศาลนี้เห็นชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษาลงโทษจำเลย จึงพิพากษายืนตาม ให้ยกฎีกาจำเลย

Share