คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข้อความฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณ ของโจทก์ และต่อมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 423 จำเลยจะอ้างว่า ไม่มีเจตนาจะให้หนังสือพิมพ์ลงเป็นข่าวใหญ่โต แต่ต้องการให้ลงพิมพ์ในคอลัมน์ตอบสารพันปัญหานั้น ไม่เป็นข้อที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิด
เมื่อปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดจากการลงข่าวเผยแพร่ว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดี ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมไม่เคยมีประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหาเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลย่อมจะกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องใช้แก่โจทก์ให้ลดลงได้ตามที่เห็นสมควร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข้อความฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และต่อมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกเผยแพร่ เป็นการละเมิด ขอศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยรู้สึกว่าได้ถูกโจทก์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้งให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงระบายความเดือดร้อนทุกข์ใจให้แก่ผู้รู้จักฟังถ้อยคำที่จำเลยเล่าให้ผู้รับฟังก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ข้อความที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ไม่ใช่คำกล่าวโดยตรงของจำเลย เป็นข้อความที่มีผู้ต่อเติมเสริมแต่งขึ้นผิดไปจากคำพูดของจำเลย ทั้งจำเลยมิได้มีความประสงค์จะให้หนังสือพิมพ์ลงข้อความนั้น ๆ ด้วย จำเลยมีความชอบธรรมที่จะกล่าวถ้อยคำใด ๆ เพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และมิได้เสียหายมากมายดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์มีตำแหน่งหน้าที่เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำเลยเป็นหัวหน้าแผนกพยาบาลและอยู่ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข้อความที่ฝ่าฝืนต่อความจริงว่า โจทก์มีพฤติการณ์เกี่ยวกับทางเพศอย่างรุนแรง ใช้อำนาจลวนลามข่มขืนใจผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาในทางชู้สาว หากใครไม่ยอมทำตามก็ถูกกลั่นแกล้งจนต้องออกจากงาน โจทก์เคยเข้ามารักษาที่แผนกของจำเลยจับมือและพูดจาลวนลามจำเลยไปในทำนองชู้สาว แม้แต่หญิงแก่ซึ่งมีอายุใกล้จะปลดเกษียณ ก็เคยถูกโจทก์พูดจาลวนลามชวนไปเที่ยวหัวหิน แล้วขอให้นอนโรงแรมห้องเดียวกัน และโจทก์ก้าวก่ายวิ่งเต้นรับสมัครและบรรจุแพทย์หญิงคนอื่นโดยไม่ยุติธรรมและเห็นแก่หน้ากัน โจทก์ตั้งกฎเกณฑ์การบรรจุสอบคัดเลือกบุคคลระดับหัวหน้ากองโดยไม่ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลย เช่น ระบุว่า ผู้สมัครเป็นหัวหน้ากองต้องอายุไม่เกิน ๔๕ ปี เพื่อจงใจกีดกันจำเลยผู้มีอายุ ๔๖ ปี มิให้มีสิทธิสอบเข้าแข่งขัน ข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเป็นข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของโจทก์ และต่อมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๓ ที่จำเลยอ้างว่า จำเลยไม่มีเจตนาจะให้หนังสือพิมพ์ลงเป็นข่าวใหญ่โต แต่ต้องการให้ลงพิมพ์ในคอลัมน์ตอบสารพันปัญหานั้น ไม่เป็นข้อที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิด
ส่วนเรื่องค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะเคยมีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูง เช่นเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว แต่หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวเรื่องนี้ก็ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดมาว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดี ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรม ไม่เคยมีความประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหาเลย เป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว เห็นสมควรกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยให้ลงประกาศผลของคำพิพากษาศาลฎีกาในหนังสือพิมพ์รายวัน ๑ ฉบับตามที่โจทก์เลือกมีกำหนด ๓ วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย

Share