คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อน แต่ผู้ตายเข้าใจว่าจำเลยตีภริยาตน จึงเกิดโทษะชักมีดวิ่งมาทำร้ายจำเลย ถึงกับ
กระโดดจากสพานน้ำไปหาจำเลยในเรือแล้วตกลงไปในน้ำด้วยกัน ผู้ตายโผกอดปล้ำเอามีดทำร้ายจำเลยมีบาดเจ็บ
ถึง 4 แห่ง จนจมน้ำไปด้วยกัน เมื่อต่างโผล่ขึ้นมาแล้วจำเลยจะต้องนึกรู้ว่าตนจะถูกทำร้ายอีก และจำเลยกำลังอ่อน
เพลียเพราะต้องจมน้ำ และน้ำตรงนั้นก็ลึกหยั่งไม่ถึง จะหลีกเลี่ยงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ จำเลยจึงยิงผู้ตาย ตาย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ ควรได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 50.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษาจำเลย ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙.
จำเลยให้การปฎิเสธว่า มิได้กระทำผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา ๒๔๙ ให้จำคุกจำเลย ๑๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนนายย้อยผู้ตายเข้าใจว่า จำเลยตีภรรยาตนก็เกิดโทษะชักมีดวิ่งมาทำ
ร้างจำเลยโดยไม่สอบสวนเสียให้แน่ชัดว่าเท็จจริงฉันใด ถึงกับกระโจนจากสพานน้ำไปหาจำเลยในเรือ แล้วตกลงไปใน
น้ำ แล้วโผเข้ากอดปล้ำเอามีดทำร้ายจำเลยมีบาดเจ็บถึง ๔ แห่ง จนจมน้ำลงไปด้วยกันเมื่อต่างโผล่ขึ้นมาแล้ว จำเลยจะต้องนึกรู้ว่าตนจะถูกทำร้ายอีก และจำเลยกำลังอ่อนเพลียเพราะต้องจมน้ำและน้ำตรงนั้นก็ลึกหยั่งไม่ถึง จะหลีก
เลี่ยงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ จึงจำต้องยิงนายน้อย การกระทำของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นป้องกันตัวที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ
จึงพิพากษายืน.

Share