คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมจำเลยจ่ายค่าครองชีพให้แก่ลูกจ้างต่อมาจำเลยยกเลิกเงินค่าครองชีพเปลี่ยนมาจ่ายเป็นเงินค่าบริการให้แก่ลูกจ้าง แทนโดยตกลงว่าค่าบริการที่ลูกจ้างจะได้รับจากจำเลย จะไม่น้อยกว่าเงินค่าครองชีพที่ลูกจ้างได้รับอยู่แต่เดิมเมื่อเงินค่าบริการนั้นคือเงินที่จำเลยได้มาโดยวิธีเรียกเก็บจากลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรมของจำเลย แล้วนำเงินดังกล่าวมาเก็บรวบรวมไว้ เมื่อถึงวันสิ้นเดือนจำเลยจะนำมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่ลูกจ้างพร้อมกับค่าจ้างเป็นประจำ ทุกเดือน เงินค่าบริการดังกล่าวจึงเป็นเงินของจำเลยซึ่งจ่ายตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานตามปกติของวันทำงานถือได้ว่าเป็นค่าจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ4,350 บาท และค่าบริการเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,500 บาท จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหาย ค่าจ้างค้างจ่าย ค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนเงินสะสม และเงินสวัสดิการ พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินทุกจำนวนตามฟ้องให้แก่จำเลยแต่เฉพาะค่าจ้างค้างจ่ายและค่าเสียหายพิพากษาให้เต็มตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่าค่าบริการเป็นค่าจ้างหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าเดิมจำเลยจ่ายค่าครองชีพให้แก่ลูกจ้างต่อมาได้ยกเลิกเงินค่าครองชีพเปลี่ยนมาจ่ายเป็นเงินค่าบริการให้แก่ลูกจ้างแทนโดยจำเลยตกลงกับลูกจ้างว่า ค่าบริการที่ลูกจ้างจะได้รับจากจำเลยทุกเดือนจะไม่ให้น้อยกว่าเงินค่าครองชีพที่ลูกจ้างได้รับอยู่แต่เดิม เงินค่าบริการนั้นคือเงินซึ่งจำเลยได้มาโดยวิธีเรียกเก็บจากลูกค้าที่มาให้บริการโรงแรมของจำเลยแล้วนำเงินดังกล่าวเก็บรวมรวมไว้และจำเลยนำเงินค่าบริการดังกล่าวมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่ลูกจ้างพร้อมกับค่าจ้างเป็นประจำทุกเดือน จึงถือได้ว่าเป้นเงินของจำเลยซึ่งนำมาจ่ายเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานตามปกติของวันทำงาน เป็นค่าจ้างตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน
พิพากษายืน

Share