คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาเอาที่ดินที่ตนและบุตรเป็นเจ้าของร่วมกันไปขอทำสัญญาขายให้แก่ผู้อื่น ทางอำเภอจึงประกาศโฆษณา การขาย บุตรจึงไปร้องคัดค้านจนทางอำเภอสั่งระงับการทำสัญญาซื้อขายไว้ผู้จะซื้อจึงเลี่ยงมาขออำนาจศาล ฟ้องมารดาให้โอนขายที่นั้นตามสัญญา แล้วทำยอมกัน ศาลพิพากษาให้โอนขายกันตามยอม แล้วแจ้งให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายให้ ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่าผู้ซื้อใช้สิทธิไม่สุจริต ผู้ซื้อจะเถียงว่าตนรับซื้อไว้โดยสุจริตควรได้สิทธิทางทะเบียนหาได้ไม่นิติกรรมซื้อขายนั้น ย่อมไม่ผูกพันที่ดินส่วนของบุตรด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องแทนนางตุ่น นางสาวเล็ก บุตรนางย้อย ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ ๑ ขายให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยอ้างว่าเป็นที่ของบิดานางตุ่น นางสาวเล็ก ตกเป็นมรดกได้แก่นางย้อย จำเลยที่ ๑ กับนางตุ่น นางสาวเล็กบุตร นางย้อยเอาที่ไปขายโดยไม่ได้รับความยินยอมของบุตร และสมยอมกับจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑-๒ ไม่ผูกพันส่วนของนางตุ่น นางสาวเล็ก บุตรจำเลยที่ ๑
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อระหว่างที่ทางอำเภอประกาศเรื่องจำเลยที่ ๑ ขอขายที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ อยู่นั้น นางตุ่นนางสาวเล็กกับบุตรจำเลยที่ ๑ คนอื่นได้ไปร้องคัดค้านที่อำเภอจนอำเภอสั่งระงับการทำสัญญาการซื้อขายไว้ จำเลยที่ ๒ จึงเลี่ยงมาฟ้องจำเลยที่ ๑ อาศัยอำนาจศาล ให้โอนที่พิพาทให้ตามสัญญาแล้วจำเลยทั้ง ๒ ก็ยอมความกัน ศาลจึงพิพากษาตามยอมแล้ว แจ้งไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายให้จำเลย ทางอำเภอจึงทำสัญญาซื้อขายให้ ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่า จำเลยที่ ๒ ใช้สิทธิไม่สุจริตจำเลยที่ ๒ จะเถียงว่า รับซื้อไว้โดยสุจริตควรได้รับสิทธิทางทะเบียนหาได้ไม่ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share