แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก จำเลยเมาสุราหยอกล้อชกต่อยกับผู้ตาย จำเลยถูกต่อยล้มลง จึงใช้ปืนยิงผู้ตายถูกที่ขา แล้ววิ่งตามไปยิงซ้ำถูกที่คอในเวลาอันกระชั้นชิดแม้จะฟังว่าบิดาผู้ตายได้ขอร้องมิให้จำเลยยิงซ้ำ ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมิใช่เป็นการกระทำโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยิงนายเบิ้ม 1 นัดโดยเจตนาฆ่า แต่นายเบิ้มยังไม่ถึงตายทันที ได้เดินจะขึ้นรถไปโรงพยาบาล จำเลยได้กลับมายิงอีก 1 นัด เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำที่ทารุณโหดร้ายและโดยไตร่ตรองไว้ก่อนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289
จำเลยให้การรับสารภาพว่ายิงผู้ตายจริง แต่ปฏิเสธข้อหาเรื่องฆ่าโดยทารุณโหดร้าย โดยทรมานและโดยไตร่ตรอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 20 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 13 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ถูกที่ขาและคอ ถึงตายเพราะเสียโลหิตมาก ผู้ตายกับจำเลยเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก ๆ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน วันเกิดเหตุตามทางนำสืบของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้ซักค้านให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น ก็ปรากฏว่าจำเลยมีอาการมึนเมาสุรา ทั้งมีการหยอกล้อชกต่อยกับผู้ตายก่อนเกิดเหตุเป็นคดีนี้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายก็สืบเนื่องมาจากการที่จำเลยถูกผู้ตายต่อยล้มลง และเมื่อลุกขึ้นมาจึงได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงผู้ตายซึ่งตามทางนำสืบของโจทก์ก็ปรากฏว่าถูกที่ขาซ้ายผู้ตาย การที่จำเลยวิ่งตามผู้ตายออกไปที่หน้าร้านของบิดาผู้ตายก็เป็นไปโดยกระชั้นชิดแม้จะฟังว่าบิดาผู้ตายได้ขอร้องห้ามมิให้จำเลยยิงผู้ตายซ้ำดังที่โจทก์นำสืบก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมิใช่การกระทำโดยทรมานหรือทารุณโหดร้ายแต่อย่างใด
พิพากษายืน