คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยบรรยายฟ้องแต่เพียงวันเดือนปีที่จำเลยออกเช็ค และบรรยายต่อไปว่า เมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่าย โจทก์นำไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งไม่อาจชี้ชัดหรือคาดคะเนได้ว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันใด เป็นฟ้องที่ไม่ปรากฏวันที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
การขอแก้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว หากมีข้อที่จะต้องแก้หรือเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์มาขอแก้ให้สมบูรณ์เช่นนี้หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามคำฟ้องโจทก์บรรยายแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คพิพาทลงวันที่ ๑๒ – ๖ – ๒๔ เมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาดังกล่าวเห็นว่าไม่อาจชี้ชัดหรือคาดคะเนได้ว่า วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินคือวันที่ ๑๒ – ๖ – ๒๔ ตามที่โจทก์ฎีกา เพราะโจทก์อาจนำเช็คไปขึ้นเงินหลังจากวันดังกล่าวก็ได้ ฉะนั้นจะถือหรืออนุมานเอาว่าวันที่ ๑๒ – ๖ -๒๔ เป็นวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินย่อมไม่ได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ปรากฏวันที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) ดังนั้น การที่โจทก์มาขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องภายหลังจึงไม่อาจกระทำได้ เพราะการแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๔ นั้น จะต้องเป็นเรื่องขอแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องที่สมบูรณ์อยู่แล้ว หากมีข้อที่โจทก์จะขอแก้หรือเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์มาขอแก้เพื่อให้สมบูรณ์ขึ้น อันเป็นการกระทำให้จำเลยเสียเปรียบ ดังนี้หาได้ไม่
พิพากษายืน.

Share