แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ได้ความจากพยานโจทก์ 4 คนว่า จำเลยให้พยานโจทก์ทั้งสี่ยืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ย และมิได้เรียกเอาสิ่งของเป็นประกันเงินยืม หากแต่ผู้ยืมเกรงใจ จึงให้จำเลยเอาสิ่งของไว้เป็นประกัน ส่วนทรัพย์รายการอื่นโจทก์มิได้นำผู้เป็นเจ้าของสิ่งของนั้นมาสืบ แม้จำเลยจะนำสืบรับเข้ามาว่าได้รับจำนำนาฬิกาของ ท. ไว้อีก 1 เรือน แต่จำเลยก็นำเจ้าของสิ่งของอื่นมาสืบว่ามิได้นำสิ่งของเหล่านั้นมาจำนำไว้กับจำเลย ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ยังไม่พอถือว่า จำเลยรับจำนำสิ่งของไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระ ตามมาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติโรงรับจำนำจำเลยไม่มีความผิดฐานตั้งโรงรับจำนำโดยมิได้รับอนุญาต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับจำนำสิ่งของหลายรายการจากผู้จำนำหลายคนเป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระ แต่ละคนมีจำนวนเงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตตั้งโรงรับจำนำจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 มาตรา 4, 8, 39 คืนของกลางให้แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 มาตรา 4, 8, 39
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ คืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความจากพยานโจทก์ 4 คนว่า จำเลยให้พยานดังกล่าวทั้ง 4 คน ยืมเงินไปจากจำเลยโดยไม่มีดอกเบี้ยและจำเลยมิได้เรียกร้องเอาสิ่งของเป็นประกันเงินยืม หากแต่ผู้ยืมเกรงใจ จึงให้จำเลยเอาสิ่งของไว้เป็นประกัน ส่วนรายการอื่นโจทก์หาได้นำผู้เป็นเจ้าของสิ่งของนั้นมาสืบไม่ แม้จำเลยจะนำสืบรับเข้ามาว่าได้รับจำนำนาฬิกาของนางพิศไว้อีก 1 เรือน แต่จำเลยก็นำเจ้าของสิ่งของอื่นมาสืบว่ามิได้นำสิ่งของเหล่านั้นมาจำนำไว้กับจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ยังไม่พอถือว่าจำเลยรับจำนำสิ่งของไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน