แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซึ่งรับราชการทหารมีอาวุธปืนของราชการทหาร เพื่อนำไปปฏิบัติหน้าที่สารวัตรนั้น ถือว่าจำเลยมีไว้ทางราชการทหารไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แม้จะเอาปืนนั้นไปเพื่อก่อการร้ายก็ตาม
ย่อยาว
ความว่าจำเลยทั้ง 3 เป็นทหารประจำกองสารวัตรทหารเรือเย็นวันหนึ่ง จำเลยที่ 2 ขอเบิกปืนกลและกระสุนจากจ่าเอกหันซึ่งมีหน้าที่ควบคุมอาวุธยุทธภัณฑ์ของกองสารวัตรไปบอกว่า จะไปดักจับคนนำของหนีภาษี โจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ 2490 มาตรา 7, 8, 72
จำเลยทั้ง 3 ให้การปฏิเสธ
ศาลทหารกรุงเทพฯ ให้จำคุกคนละ 4 ปี ลดกึ่งเหลือคนละ 2 ปีกรรมการนายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ผิด ควรปล่อย
ศาลทหารกลางพิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 คนเดียวตามที่ศาลเดิมกำหนดโทษ จำเลยนอกนั้นไม่มีความผิด
โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จ่าหันจ่ายปืนกลและกระสุนให้จำเลยที่ 2 ไปโดยเข้าใจว่าจ่ายในกรณีพิเศษ เพื่อจำเลยที่ 2 นำไปปฏิบัติหน้าที่สารวัตร พระราชบัญญัติอาวุธปืน 2490 มาตรา 5(1) มีว่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของราชการทหารนั้น พระราชบัญญัติอาวุธปืนมิให้ใช้บังคับอาวุธปืนรายนี้เป็นของราชการทหาร จำเลยที่ 2 มีไว้ในทางราชการทหาร จึงไม่มีความผิด ตลอดทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 3
ที่จำเลยทั้ง 3 ถูกจับเพราะตำรวจสงสัยว่าจะไปก่อการร้ายก็ดีที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำแถลงขอรับสารภาพ เมื่อสืบพยานเสร็จแล้วก็ดีก็ไม่ทำให้การกระทำที่ไม่ผิดกลับเป็นผิดขึ้นได้
พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย