คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้เป็นบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ทางสายโลหิตของจำเลยคงมีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ทั้งโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันโดยนำหญิงอื่นเข้ามาหลับนอนในบ้านต่อหน้าจำเลย และขับไล่จำเลยออกจากบ้านซึ่งนำไปสู่การด่าโต้ตอบกัน เหตุที่จำเลยด่าโต้ตอบโจทก์ว่า “ไอ้ห่าบ้าตัณหาเลวที่สุดได้หน้าหีมือถือสากปากถือศีล”ก็เพราะถูกโจทก์ข่มเหงน้ำใจอย่างรุนแรง โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงเพื่อยกเป็นเหตุเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาตั้งแต่ปี 2518 ระหว่างนั้นโจทก์ได้ให้ที่ดินพิพาท 4 แปลงแก่จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โดยได้จงใจกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงด้วยการตะโกนด่าโจทก์หลายครั้ง จึงขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ และส่งมอบที่ดินทั้งสี่แปลงดังกล่าวคืนให้โจทก์ หากจำเลยไม่จัดการโอนคืนให้โจทก์ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวต่อไป
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นภริยาโจทก์ แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ ไม่เคยด่าหรือหมิ่นประมาทโจทก์เลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้เป็นบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ทางสายโลหิตของจำเลย คงมีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ทั้งโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันโดยนำหญิงอื่นเข้ามาหลับนอนในบ้านต่อหน้าจำเลย และขับไล่จำเลยออกจากบ้านซึ่งนำไปสู่การด่าโต้ตอบกันเหตุที่จำเลยด่าโต้ตอบโจทก์ว่า “ไอ้ห่า บ้าตัณหา เลวที่สุดไอ้หน้าหี มือถือสากปากถือศีล” ก็เพราะถูกโจทก์ข่มเหงน้ำใจอย่างรุนแรง โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง เพื่อยกเป็นเหตุเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share