คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลย จำเลยนำทรัพย์พิพาทมาวางศาลตามคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ได้ขอรับทรัพย์พิพาทไปต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง คดีถึงที่สุด และจำเลยได้มาขอทรัพย์พิพาทคืนจากโจทก์ดังนี้เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ย่อมสิ้นสภาพบังคับไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะเรียกคืนทรัพย์พิพาทจากโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับเครื่องทองรูปพรรณของโจทก์เพื่อขายให้ลูกค้าแล้วไม่ยอมคืน ต่อมาพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยฐานยักยอกโดยมีโจทก์เป็นโจทก์ร่วม และมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดจำเลยยังไม่ยอมคืนทรัพย์ดังกล่าว โจทก์จึงมาฟ้องขอให้คืนทรัพย์แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า ทรัพย์ตามฟ้องอยู่ในความครอบครองของจำเลยเนื่องจากนางบุญเหลือญาติของโจทก์นำมาค้ำประกันเงินกู้จากจำเลย โดยความยินยอมของโจทก์ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์แก่โจทก์ โจทก์จึงขอรับทรัพย์ที่จำเลยนำมาวางศาลไว้ ศาลอนุญาต จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องซ้ำ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์จำเลยไม่ฎีกา
ต่อมาจำเลยยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์คืนทรัพย์พิพาททั้งหมดที่รับไปแล้วให้แก่จำเลย หากไม่สามารถคืนได้ให้ใช้ราคา50,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต และหมายเรียกให้โจทก์นำทรัพย์พิพาทมาส่งคืนต่อศาลในวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าทรัพย์สินเป็นของโจทก์ และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการออกหมายเรียก ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้ว สั่งยกคำร้องทั้งโจทก์และจำเลย และสั่งยกเลิกคำสั่งศาลที่สั่งให้โจทก์นำทรัพย์ที่รับไปแล้วมาส่งคืนศาล จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นเรียกทรัพย์สินพิพาทคืนจากโจทก์ตามอำนาจของศาล โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยส่งมอบทรัพย์พิพาท 5 รายการต่อศาลชั้นต้นเป็นการวางศาลตามคำร้องที่โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามขอ จำเลยจึงต้องนำทรัพย์สินพิพาทมาวางศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์ก็ได้มาขอรับทรัพย์พิพาทไป เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2526ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเพราะเป็นฟ้องซ้ำ โจทก์จำเลยไม่ฎีกา คดีจึงถึงที่สุดและจำเลยได้มาขอทรัพย์พิพาทคืนจากโจทก์ พิเคราะห์แล้วเมื่อคดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ย่อมสิ้นสภาพบังคับไปโจทก์จะอาศัยสิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้อีกแล้ว จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดถือครอบครองทรัพย์พิพาทอีกต่อไป หากโจทก์จำเลยตลอดจนนางบุญเหลือจะมีสิทธิอย่างไรต่อกัน ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เรียกคืนทรัพย์พิพาทจากโจทก์นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share