คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยอ้างว่ากรมสรรพากรจำเลยยึดและอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของโจทก์ทำให้โจทก์ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ทั้งไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกที่จะนำมาขายหรือเป็นหลักประกันเพื่อขอกู้ยืมเงินจากบุคคลอื่น ทำให้ไม่มีเงินที่จะนำมาชำระค่าธรรมเนียมศาลได้ ซึ่งหากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่โจทก์อ้างแม้ทรัพย์สินจำนวนมากดังกล่าวยังเป็นของโจทก์ แต่โจทก์ก็ไม่สามารถขายหรือนำไปเป็นหลักประกันเพื่อหาเงินมาเป็นค่าธรรมเนียมศาลจำนวนสูงอันอาจจะถือได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจน การที่ศาลภาษีอากรกลางงดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จึงเป็นการวินิจฉัยโดยยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนเสียก่อน ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ทำการไต่สวนคำร้องต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่แจ้งให้โจทก์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมด้วยเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ กับขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยคัดค้านว่า โจทก์ยังมีทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบอาชีพสามารถหารายได้และยังมีพันธบัตรรวมมูลค่า 20,000,000 บาท ซึ่งไม่ถูกอายัด จึงไม่ใช่คนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล และคำฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลพอที่จะชนะคดีได้
วันนัดไต่สวนคำร้องโจทก์แถลงรับว่าโจทก์มีทรัพย์สินหลายรายการ ประกอบด้วย บ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์และพันธบัตร นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่นตามที่ปรากฏในเอกสารท้ายคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหมายเลข 2 ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์แถลงรับต่อศาลดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์มีทรัพย์สินไม่ใช่คนยากจน จึงให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เสีย หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่ง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้งดการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยอ้างว่าจำเลยยึดและอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของโจทก์ตามเอกสารท้ายคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหมายเลข 2 ทำให้โจทก์ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ทั้งไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกที่จะนำมาขายหรือเป็นหลักประกันเพื่อขอกู้ยืมเงินจากบุคคลอื่น ทำให้ไม่มีเงินที่จะนำมาชำระค่าธรรมเนียมศาลได้ ซึ่งหากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่โจทก์อ้างแม้ทรัพย์สินจำนวนมากดังกล่าวยังเป็นของโจทก์ แต่โจทก์ก็ไม่สามารถขายหรือนำไปเป็นหลักประกันเพื่อหาเงินมาเป็นค่าธรรมเนียมศาลจำนวนสูงในคดีนี้อันอาจจะถือได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจน การที่ศาลภาษีอากรกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 19 มิถุนายน 2549 ว่า โจทก์แถลงรับว่าโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมดเฉพาะที่มีชื่อโจทก์ร่วม 7 แปลง มีพันธบัตร 2 ฉบับ รวมมูลค่า 20,000,000 บาท รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน บ้านและที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่เศษ และยังมีทรัพย์สินตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสารท้ายคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหมายเลข 2 ก็รับฟังได้เพียงว่าโจทก์มีทรัพย์สินจำนวนมาก แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าทรัพย์สินดังกล่าวนั้นจำเลยหรือหน่วยงานอื่นได้ยึดและอายัดไว้ทั้งหมดหรือไม่ ทั้งทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของโจทก์ที่จะนำไปหาประโยชน์ได้หรือไม่ นอกจากนี้โจทก์ยังมีหนทางอื่นใดในการหาทรัพย์สินเพื่อนำมาชำระค่าธรรมเนียมศาลได้หรือไม่ เมื่อเป็นดังนี้จะถือเอาเพียงข้อเท็จจริงที่โจทก์รับต่อศาลภาษีอากรกลางดังกล่าวมาเป็นเหตุวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่คนยากจนไม่ได้ ที่ศาลภาษีอากรกลางด่วนงดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งไปนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยโดยยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนเสียก่อน จึงถือว่าศาลภาษีอากรกลางไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง มาตรา 243 (2) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 เห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางทำการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเพื่อฟังข้อเท็จจริงต่อไป
อนึ่ง การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 จึงให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่เสียมา 200 บาท แก่โจทก์”
พิพากษายกคำสั่งของศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางทำการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากนั้นในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share