คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหญิงสาวแม้จะเคยเป็นคู่รักของผู้เสียหายมาก่อนแต่เมื่อจำเลยไม่ยินยอมผู้เสียหายย่อมไม่มีสิทธิที่จะกอดปล้ำทำมิดีมิร้ายจำเลยได้ได้ความว่าขณะที่จำเลยยืนหั่นหัวหอมอยู่ผู้เสียหายเข้ามาข้างหลังโอบกอดจำเลยสะบัดและพูดห้ามพร้อมกับแกว่งมีดผู้เสียหายไม่ยอมฟังเมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายครั้งที่สองถูกที่ทอ้งน้อยและผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยก็ไม่ได้แทงซ้ำทั้งๆที่มีโอกาสแทงได้อีกคงปล่อยให้มีดปักคาท้องผู้เสียหายแล้ววิ่งลงจากบ้านไปดังนี้การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิด.(ที่มา-เนติฯ)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 จำคุก 10 ปี ของกลาง ริบ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา แก้ เป็น ว่าให้ ลดโทษ ให้ จำเลย 1 ใน 4 คง จำคุก จำเลย 7 ปี 6 เดือน โจทก์ ฎีกา ว่าไม่ ควร ลดโทษ ให้ จำเลย
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ‘ข้อเท็จจริง ฟัง ได้ ว่า เมื่อ วันที่ 23 เมษายน 2526 เวลา ประมาณ 18 นาฬิกา นาย พยอม หรือ อ๊อดหาญจับพรานผู้เสียหาย กับ นาย ยอด หาญจับพราน น้องชาย และ เพื่อน อีก หนึ่ง คน ได้ไป ที่ บ้าน จำเลย ผู้เสียหาย ซื้อ สุรา ติดมือ ไป 1 ขวด และ ให้ นายยอด ไป ตาม นาย สอิ้ง นิตย์ภักดี มา ดื่ม สุรา ด้วย เวลา ประมาณ 19.30นาฬิกา ขณะ ที่ จำเลย กำลัง ทำ อาหาร เลี้ยง ผู้เสียหาย กับพวก อยู่ บนบ้าน ส่วน คนอื่น นั่ง คุย กัน อยู่ ที่ ลาน หน้าบ้าน ผู้เสียหาย ได้ขึ้น ไป บน บ้าน จำเลย และ ถูก จำเลย ใช้ มีด ปลายแหลม ของกลาง แทง ที่กลางหลัง ระดับเอว และ ที่ ท้อง ทะลุ เข้า ช่องท้อง ได้ รับ อันตราย แก่กาย สาหัส จริง ปัญหา ที่ ควร หยิบ ยก ขึ้น วินิจฉัย ก่อน มี ว่า จำเลยแทง ผู้เสียหาย โดย ป้องกัน หรือไม่
พิเคราะห์ แล้ว โจทก์ มี นาย พยอม หรือ อ๊อด หาญจับพราน ผู้เสียหายเบิกความ ว่า ผู้เสียหาย กับ จำเลย เคย เป็น คู่รัก กัน ต่อมา ได้ เลิกกัน ไป เพราะ ผู้เสียหาย ไป รัก กับ นางสาว ปุ๊ก นิตย์ภักดี บุตรสาวนาย สอิ้ง นิตย์ภักดี แต่ จำเลย ยัง รัก ผู้เสียหาย อยู่ วัน เกิดเหตุตอน ที่ ผู้เสียหาย ใช้ ให้ นาย ออด หาญจับพราน น้องชาย ไป ตาม นายสอิ้ง มา ดื่ม สุรา ด้วยกัน ที่ บ้าน จำเลย ผู้เสียหาย ก็ ตาม ไป คุยกับ นางสาว ปุ๊ก เมื่อ กลับ มา ถึง บ้าน จำเลย จำเลย ได้ เรียกผู้เสียหาย ขึ้น ไป บน บ้าน และ พูดจา ต่อว่า ผู้เสียหาย ว่า ไป บ้านนางสาว ปุ๊ก ทำไม เมื่อ ผู้เสียหาย ตอบ ว่า ไป เพราะ รัก นางสาว ปุ๊กจำเลย ไม่ พอใจ ได้ เดิน เข้า ไป ใน ครัว ถือ มีด ปลายแหลม ออก มา นั่งที่ ระเบียง บ้าน ไม่ ยอม พูด อะไร นั่ง อยู่ นาน ประมาณ 3 นาที จำเลยได้ ใช้ มีด แทง ที่ หลัง ผู้เสียหาย 1 ที พอ ผู้เสียหาย ใช้ มือ ยันพื้น จะ ลุก ขึ้น จำเลย ได้ ใช้ มือ โอบหลัง ผู้เสียหาย ไว้ แล้ว ใช้มีด แทง ที่ หน้าท้อง ผู้เสียหาย อีก 1 ที ผู้เสียหาย ก็ หน้ามืด และล้มฟุบ ลง คำเบิกความ ของ ผู้เสียหาย ดังกล่าว ขัด ต่อ เหตุผล ได้ ความว่า ขณะ เกิดเหตุ จำเลย กำลัง ทำ อาหาร เพื่อ เลี้ยง ผู้เสียหาย กับ พวกอยู่ จำเลย นำ นางสาว ปุ๊ก นิตย์ภัดี มาสืบ นางสาว ปุ๊ก ก็ เบิกความว่า ไม่ เคย รู้จัก คุ้นเคย กับ ผู้เสียหาย นางสาว ปุ๊ก เพียงแต่ เคยเห็น หน้า ผู้เสียหาย มา ก่อน เท่านั้น วัน เกิดเหตุ ตอน ที่ ผู้เสียหายไป ตาม นาย สอิ้ง ให้ ไป ดื่ม สุรา ที่ บ้าน จำเลย นางสาว ปุ๊ก ก็ ว่าไม่ ได้ พูด อะไร กับ ผู้เสียหาย เลย ไม่ เชื่อ ว่า จำเลย จะ หึงหวงนางสาว ปุ๊ก เรียก ผู้เสียหาย ขึ้น ไป ต่อว่า และ ใช้ มีด แทงผุ้เสียหาย ตรง ระเบียงบ้าน ดังกล่าว ฝ่าย จำเลย เบิกความ ว่า ขณะเกิดเหตุ กำลัง ก้ม หั่น หัวหอม อยู่ ใน ครัว ผู้เสียหาย ได้ เข้า มากอดปล้ำ แกะ เม็ด กระดุม เสื้อ จะ ทำ มิดี มิร้าย จำเลย จำเลย จึง ได้ใช้ มีด หั่น หัวหอม ที่ ถือ อยู่ แทง ผู้เสียหาย คำเบิกความ ของ จำเลยมี เหตุผล เพราะ นาย ยอด และ นาย สอิ้ง พยาน ของ โจทก์ เอง ก็ เบิกความรับ ว่า ขณะ เกิดเหตุ ได้ยิน เสียง จำเลย ร้อง บอก นาย สุวรรณเกี้ยวกลาง บิดา จำเลย ว่า พ่อๆ พี่อ๊อด รังแก ฉัน นาย ยอด เบิกความ ว่าพอ ได้ยิน เสียง จำเลย ร้อง เช่นนั้น นาย สุวรรณ ได้ คว้า ไม้กระบองขึ้น ไป บน บ้าน จะ ตี ผู้เสียหาย แต่ นาย ยอด ห้าม ไว้ ตาม คำ นายสอิ้ง ก็ ได้ ความ ว่า ตอน ที่ จำเลย กระโดด ลง จาก บ้าน สังเกต เห็นว่า จำเลย ผมเผ้า ยุงเหยิง และ เม็ด กระดุม เสื้อ หลุด ออก มา น่าเชื่อว่า ขณะ เกิดเหตุ จำเลย ถูก ผู้เสียหาย กอดปล้ำ จะ ทำ มิดี มิร้าย จริงคดีนี้ จำเลย ให้การ ใน ชั้น สอบสวน ว่า ขณะ ที่ ยืน หั่น หัวหอม อยู่ผู้เสียหาย ได้ เดิน เข้า มา ข้างหลัง ใช้ มือ โอบกอด จำเลย จำเลย สะบัดและ พูดห้าม ผู้เสียหาย ว่า อย่า ทำ พร้อม กับ แกว่าง มีด ที่ ใช้หั่น หัวหอม ไป มา แต่ ผู้เสียหาย ก็ ไม่ ยอม ฟัง เสียง จำเลย จึง ใช้มีด แทง ด้านหลัง ผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหาย ถูก แทง แล้ว ยัง ไม่ ยอมปล่อยตัว จำเลย จำเลย จึง หัน หน้า เข้า หา ผู้เสียหาย ผลัก ตัวผู้เสียหาย ออก ไป ผู้เสียหาย ก็ ยัง จะ เข้า มา กอดปล้ำ จำเลย อีกจำเลย จึง ใช้ มีด แทง ผู้เสียหาย อีก 1 ที ถูก ที่ บริเวณ ท้องน้อยได้ รับ บาดเจ็บ และ ทรุด ลง กับ พื้น ชั้นพิจารณา จำเลย ก็ เบิกความอย่างเดียว กัน ที่ จำเลย เบิกความ ใน ตอนแรก ว่า ได้ สะบัด มีด ออก ไปไม่ ทราบ ว่า จะ ถูก ผู้เสียหาย ที่ ใด บ้าง ไม่ ได้ เบิกความ ว่า ใช้มีดแทง ข้างหลัง ผู้เสียหาย เหมือนกับ ที่ ให้การ ใน ชั้น สอบสวน จำเลยอาจ จำ รายละเอียด ผิดพลาด ไม่ ทำ ให้ ฟัง ว่า จำเลย เบิกความ ไม่จริงและ ฟัง ว่า จำเลย แทง ผู้เสียหาย เพราะ เหตุ อื่น ไป และ สำหรับ กรณีนี้ พิเคราะห์ แล้ว เห็น ว่า จำเลย เป็น หญิงสาว ตาม ที่ โจทก์ นำสืบแม้ จะ ได้ความ ว่า จำเลย เคย เป็น คู่รัก ของ ผู้เสียหาย มา ก่อน แต่เมื่อ จำเลย ไม่ ยินยอม ผู้เสียหาย ย่อม ไม่ มี สิทธิ ที่ จะ กอดปล้ำทำ มิดี มิร้าย จำเลย ได้ ข้อเท็จจริง ก็ ได้ความ ว่า ขณะ ที่ จำเลยยืน หั่น หัวหอม อยู่ ผู้เสียหาย เข้า มา ข้างหลัง โอบกอด จำเลย สะบัดและ พูด ห้าม พร้อมกับ แกว่ง มีด ผู้เสียหาย ไม่ ยอม ฟัง จำเลย ใช้ มีดแทง ผู้เสียหาย ครั้ง ที่ สอง ถูก ที่ ท้องน้อย และ ผู้เสียหาย ล้ม ลงแล้ว จำเลย ก็ ไม่ ได้ แทง ซ้ำ ทั้งๆ ที่ มี โอกาส แทง ได้ อีก คงปล่อย ให้ มีด ปัก คา อยู่ ที่ ท้อง ของ ผู้เสียหาย แล้ว วิ่ง ลง จากบ้าน ไป เห็น ได้ ว่า จำเลย ไม่ มี เจตนา ฆ่า ผู้เสียหาย และ ที่ แทงผู้เสียหาย ไป ดังกล่าว ก็ เพื่อ หยุดยั้ง ไม่ ให้ ผู้เสียหาย กอดปล้ำทำ มิดี มิร้าย จำเลย เท่านั้น การ กระทำ ของ จำเลย ถือ ได้ ว่า เป็นการ ป้องกัน พอสมควร แก่ เหตุ จำเลย ไม่ มี ความผิด ที่ ศาลล่าง ทั้งสอง ฟัง ว่า การ กระทำ ของ จำเลย ไม่ เป็น ป้องกัน และ เห็นว่า จำเลยมี ความผิด ฐาน พยายาม ฆ่า ผู้เสียหาย พิพากษา ลงโทษ จำเลย มา ศาลฎีกาไม่ เห็นพ้อง ด้วย ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า ศาลอุทธรณ์ ไม่ ควร ลดโทษ ให้จำเลย ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ไม่ จำเป็น ต้องวินิจฉัย ต่อไป’
พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง มีด ของกลาง คืน จำเลย

Share