คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 8 (9) เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หาใช่บทบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องไม่เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์ฟ้อง แม้การทวงถามจะไม่ชอบด้วยมาตรา8 (9) โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีล้มละลาย
ข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด ๑,๖๙๘,๖๕๐.๓๒ บาทโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ไปยังจำเลยสองครั้งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวันแต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์สืบหาหลักทรัพย์จำเลยเพื่อชำระหนี้ปรากฎว่าไม่มีทรัพย์สินอะไร แสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ การบอกกล่าวให้ชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยไม่เคยได้รับการบอกกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๑๔
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว วินิจฉัยข้อกฎหมายว่าในปัญหาโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ปัญหาข้อนี้จำเลยฎีกาว่า การทวงถามของโจทก์ไม่ชอบด้วยมาตรา ๘ (๙) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ เพราะหนังสือทวงถามของโจทก์ไม่ได้ส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยและจำเลยยังไม่ได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๘ (๙) เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าถ้าลูกหนี้ได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าสองครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน และลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หาได้กำหนดว่าหากการส่งหนังสือทวงถามดังกล่าวไม่ชอบแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีล้มละลายไม่ เพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๙บัญญัติให้เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต่อเมื่อ (๑) ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว (๒) ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท หรือลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท และ (๓) หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลันหรือในอนาคตก็ตาม ดังนี้ จะเห็นได้ว่าพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๘ (๙) เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หาใช่บทบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องไม่ เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์ฟ้อง แม้การทวงถามจะไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๘ (๙) โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีล้มละลายได้
ส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีส่วนผิดด้วยที่ปล่อยให้ยอดเงินตามฟ้องมีเวลาเนิ่นนานถึง ๕ ปี และมีจำนวนเงินสูงถึง ๑,๖๙๘,๖๕๐.๓๒ บาท โดยไม่ดำเนินการปิดบัญชีหรือฟ้องร้องทางแพ่ง จึงไม่สมควรให้จำเลยต้องล้มละลายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share