คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาเช่าซื้อระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ได้เลิกกันแล้ว จำนวนเงินค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้ออันเนื่องจากการไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อที่ลูกหนี้ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้มิใช่เป็นการชำระราคาค่าเช่าซื้อที่ถึงกำหนดชำระแต่ละยอด อันจะก่อให้เกิดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ ลูกหนี้จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มา
ค่าปรับที่เกิดจากข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้อันเนื่องจากลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้า โดยกำหนดให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับเงินค่าปรับเป็นรายวัน เป็นข้อตกลงที่กำหนดค่าเสียหายกันไว้ล่วงหน้าวิธีหนึ่ง อันมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ หากสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจปรับลดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 และมาตรา 383

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งนายเกรียงชัย สูริบุตร เป็นผู้ทำแผน ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีลูกหนี้เป็นผู้บริหารแผน

เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจำนวน33,634,058.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 31,546,826.95บาท และค่าขาดประโยชน์ในอัตราเท่ากับค่าเช่าซื้อรายเดือนนับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/29 แล้ว ปรากฏว่าผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ว่าเจ้าหนี้คำนวณค่าเสียหายไม่ถูกต้องและไม่อาจเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในมูลหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจำนวน 33,634,058.29 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 31,546,826.95 บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น

ผู้บริหารแผนยื่นคำร้องคัดค้านว่า เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์ค่าปรับและค่าสูญเสียตามสัญญาเพราะการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อเกิดจากเหตุสุดวิสัยเจ้าหนี้คงมีสิทธิได้รับชำระหนี้เพียง 17,576,936 บาท

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านว่า ลูกหนี้เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องรับผิดชำระค่าขาดประโยชน์ ค่าปรับและค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้อ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งแก้ไขคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อเป็นเงิน 21,716,664.62 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะชำระเสร็จ

เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เจ้าหนี้และลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อสัญญาหลักคือสัญญาเช่าซื้อลงวันที่ 17 มกราคม 2540 โดยแยกเป็นสัญญาย่อย 4 สัญญา ดังนี้ สัญญาที่ 1 เป็นสัญญาเช่าซื้อเครื่องปั๊มเหล็กคู่และเครื่องปั๊มเหล็กก้านไขว้ พร้อมอุปกรณ์ ราคา 8,071,221 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน8,636,206.47 บาท แบ่งชำระเป็น 37 งวด สัญญาที่ 2 เป็นสัญญาเช่าซื้อเครื่องตัดเหล็กกลไกพร้อมอุปกรณ์ ราคา 1,320,181 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 1,412,593.67 บาท แบ่งชำระเป็น 37 งวด สัญญาที่ 3 เป็นสัญญาเช่าซื้อเครื่องตัดเจาะด้วยระบบCNC แบบกลไก ราคา 7,845,783 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 8,394,987.81 บาทแบ่งชำระเป็น 37 งวด สัญญาที่ 4 เป็นสัญญาเช่าซื้อเครื่องทับเหล็กแผ่นระบบไฮดรอลิคยี่ห้ออะมะดะ ราคา 2,391,036 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 2,558,408.52 บาท แบ่งชำระเป็น 37 งวด แต่ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ เจ้าหนี้จึงบอกเลิกสัญญา ซึ่งมีผลให้สัญญาเป็นอันเลิกกันเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2542 แต่ลูกหนี้ไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ว่า ศาลล้มละลายกลางกำหนดค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้อกรณีไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อโดยไม่กำหนดภาษีมูลค่าเพิ่มให้เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ได้เลิกกันแล้ว จำนวนเงินค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้ออันเนื่องจากการไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อที่ลูกหนี้ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ มิใช่เป็นการชำระราคาค่าเช่าซื้อที่ถึงกำหนดชำระแต่ละยอด อันจะก่อให้เกิดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ลูกหนี้จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มา ที่ศาลล้มละลายกลางกำหนดค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้อกรณีไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อโดยไม่กำหนดภาษีมูลค่าเพิ่มให้ลูกหนี้ต้องรับผิดด้วยนั้นจึงชอบแล้วส่วนที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ข้อต่อไปว่า ค่าปรับที่ลูกหนี้ชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าเป็นการกำหนดค่าเสียหายตามจำนวนที่ถูกต้องเป็นธรรมซึ่งลูกหนี้ตกลงผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่เบี้ยปรับ ศาลล้มละลายกลางไม่มีอำนาจปรับลดลงนั้น เห็นว่า ค่าปรับดังกล่าวเกิดจากข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้อันเนื่องจากลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้า โดยกำหนดให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับเงินค่าปรับเป็นรายวัน เป็นข้อตกลงที่กำหนดค่าเสียหายกันไว้ล่วงหน้าวิธีหนึ่ง อันมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ หากสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจปรับลดลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 และ 383 ศาลล้มละลายกลางจึงมีอำนาจปรับลดเบี้ยปรับที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มาลงได้ ส่วนที่เจ้าหนี้อุทธรณ์เป็นข้อสุดท้ายขอให้กำหนดค่าขาดประโยชน์เท่ากับค่าเช่าซื้อแต่ละงวดนั้นเห็นว่า เจ้าหนี้มิได้นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานให้เห็นว่าทรัพย์ที่ให้ลูกหนี้เช่าซื้อสามารถนำไปหาประโยชน์ได้เดือนละเท่าใด ประกอบกับตามลักษณะประเภทของทรัพย์ที่เช่าซื้อ ก็มิได้เป็นทรัพย์ที่อาจนำออกให้เช่าซื้อหรือเช่าหรือหาประโยชน์ทั่วไปได้ง่าย ทั้งค่าเช่าซื้อระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ก็ได้รวมเอาราคาทรัพย์ดอกเบี้ยและผลประโยชน์ที่เจ้าหนี้ผู้ให้เช่าซื้อได้คำนวณรวมเอาไว้ และยังปรากฏว่าเจ้าหนี้ได้รับค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้อกรณีไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อแล้วด้วย ที่ศาลล้มละลายกลางกำหนดค่าขาดประโยชน์รวม 4 สัญญา แก่เจ้าหนี้เป็นเงินเดือนละ 40,000 บาท โดยไม่กำหนดค่าขาดประโยชน์เท่ากับค่าเช่าซื้อแต่ละงวดนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ทุกข้อล้วนฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share