คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องระบุวันเกิดเหตุ 11 ตุลาคม ได้ความว่าเกิดเหตุวันที่ 11 เมษายน วันเวลาเกิดเหตุไม่ใช่สารสำคัญ เป็นแต่รายละเอียด จำเลยไม่หลงต่อสู้ ลงโทษได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องระบุวันเกิดเหตุ 11 ตุลาคม 2518 เวลากลางวัน จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบพยานฐานที่อยู่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี, 371 และ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุกคนละ 20 ปี 4 เดือน ปรับ 60 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องจำเลยที่ 2 โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนข้อฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าคดีนี้ฟ้องว่าเกิดเหตุวันที่ 11 ตุลาคม 2518 แต่นายสะอาดประจักษ์พยานโจทก์เบิกความว่าวันเกิดเหตุตรงกับวันที่ 11 เมษายน 2518 เป็นการขัดกับคำฟ้องถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในทางพิจารณาต่างกับคำฟ้องศาลต้องพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าวันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้อง เป็นแค่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น ทั้งจำเลยก็มิได้หลงข้อต่อสู้ หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลย ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรด้วยนั้น โจทก์หาได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานนี้ด้วยไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อนี้ก็ตาม แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง 340 ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 (ลงวันที่21 พฤศจิกายน 2514) ข้อ 14, 15 วางโทษจำคุก 30 ปี ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 20 ปี

Share